POV ย่อมาจากอะไร ? เปิดความหมายคำศัพท์ยอดฮิตในหมู่วัยรุ่นบน TikTok

POV ย่อมาจากอะไร ? เปิดความหมายคำศัพท์ยอดฮิตในหมู่วัยรุ่นบน TikTok

เคยไหม ? เวลาเลื่อนดู TikTok แล้วชอบสะดุดกับคอนเทนต์แบบ “POV” ที่ทำให้คุณรู้สึกเหมือนได้เข้าไปอยู่ในเหตุการณ์นั้นจริงๆ เสมือนเป็นส่วนหนึ่งของเรื่องราว บางครั้งก็ทำให้คุณหัวเราะ บางครั้งก็ทำให้คุณอินตามจนน้ำตาไหล จึงไม่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า POV ช่วยเติมเต็มอารมณ์ของคุณได้อย่างหลากหลาย และไม่เพียงเท่านั้น POV ยังเป็นมากกว่าแค่เทรนด์ที่กำลังมาแรง แต่ยังเป็นเครื่องมือในการสื่อสารและสร้างปฏิสัมพันธ์ที่ทรงพลังในยุคดิจิทัลอีกด้วย


POV คืออะไร

POV คืออะไร ?

‘POV ย่อมาจาก Point of View’ ซึ่ง POV แปลว่า มุมมอง หรือ จุดยืน คำศัพท์นี้ถูกนำมาใช้กันอย่างแพร่หลายในหลากหลายวงการ ไม่ว่าจะเป็นวรรณกรรม ภาพยนตร์ และปัจจุบันก็กลายเป็นคำที่ได้รับความนิยมอย่างมากในโลกโซเชียลมีเดีย โดยเฉพาะบนแพลตฟอร์มอย่าง TikTok



ความหมายของ POV ในโลกโซเชียล

ในโลกโซเชียล POV หมายถึง การนำเสนอเนื้อหาในรูปแบบที่ผู้ชมรู้สึกเหมือนได้เข้าไปอยู่ในเหตุการณ์นั้นๆ หรือได้เห็นเหตุการณ์จากมุมมองของผู้สร้างสรรค์คอนเทนต์เอง ทำให้ผู้ชมรู้สึกใกล้ชิดและเข้าใจผู้สร้างคลิปมากขึ้น นอกจากนี้ POV ยังสร้างการมีส่วนร่วมและกระตุ้นให้เกิดการพูดคุยแลกเปลี่ยนกันระหว่างผู้ชมกับผู้สร้างสรรค์คอนเทนต์ หรือผู้ชมกับผู้ชมด้วยกันเองอีกด้วย



POV มีกี่รูปแบบ

POV มีกี่รูปแบบ ?

POV หรือ Point of View ในการเล่าเรื่องนั้นมีหลากหลายรูปแบบ ซึ่งแต่ละรูปแบบก็จะให้มุมมองและอารมณ์ที่แตกต่างกันออกไป แต่โดยทั่วไปแล้ว POV จะแบ่งออกเป็น 4 ประเภทหลักๆ ดังนี้

1. มุมมองบุคคลที่หนึ่ง (First Person)

มุมมองบุคคลที่หนึ่ง คือ การเล่าเรื่องผ่านสายตาของตัวละครเอง โดยใช้สรรพนาม "ฉัน" หรือ "เรา" ทำให้ผู้อ่านรู้สึกเหมือนได้เข้าไปอยู่ในเหตุการณ์นั้นๆ พร้อมกับตัวละครหลัก ได้สัมผัสความรู้สึก ความคิด และประสบการณ์ของตัวละครโดยตรง ซึ่งทำให้เกิดความรู้สึกใกล้ชิดและเชื่อมโยงกับตัวละครอย่างลึกซึ้ง นอกจากนี้ การเล่าเรื่องในมุมมองของตัวละครยังช่วยให้เรื่องราวดูน่าเชื่อและสมจริงมากขึ้นอีกด้วย

ตัวอย่างการใช้มุมมองบุคคลที่หนึ่ง : นิยายหลายเรื่องใช้มุมมองบุคคลที่หนึ่งในการเล่าเรื่อง เช่น "ฉันเดินเข้าไปในร้านอาหารด้วยความตื่นเต้น" หรือ "วันนี้เป็นวันที่ดีที่สุดในชีวิตของฉัน" ทำให้ผู้อ่านรู้สึกเหมือนได้เป็นส่วนหนึ่งของเรื่องราว

2. มุมมองบุคคลที่สอง (Second Person)

มุมมองบุคคลที่สอง เป็นการเล่าเรื่องที่แตกต่างจากมุมมองอื่นๆ ตรงที่ผู้เล่าเรื่องจะพูดคุยกับผู้อ่านโดยตรง ทำให้ผู้อ่านรู้สึกเหมือนกำลังถูกชักชวนให้เข้าไปอยู่ในเรื่องราว ผ่านการใช้สรรพนาม "คุณ" ซึ่งแตกต่างจากมุมมองบุคคลที่หนึ่งที่ตัวละครจะเล่าเรื่องจากมุมมองของตัวเอง

ตัวอย่างการใช้มุมมองบุคคลที่สอง : เกมแนวอินเตอร์แอคทีฟหลายเกมใช้มุมมองบุคคลที่สองในการเล่าเรื่อง เช่น "คุณกำลังเดินเข้าไปในห้องมืด เดินไปจนสุดทาง และพบกับประตูที่ปิดสนิท" เป็นต้น

3. มุมมองพระเจ้า (Third Person Omniscient)

มุมมองพระเจ้า คือ การเล่าเรื่องที่ผู้เล่าเรื่องเปรียบเสมือนผู้รู้ทุกสิ่งทุกอย่างในเรื่องราว ราวกับเป็น "พระเจ้า" ที่สามารถเข้าถึงความคิด ความรู้สึก และข้อมูลส่วนตัวของตัวละครทุกตัวได้อย่างอิสระ ผู้เล่าเรื่องสามารถเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะอยู่ในมุมใดของเรื่อง และสามารถสลับการเล่าเรื่องจากมุมมองของตัวละครต่างๆ ได้อย่างคล่องตัว ทำให้ผู้อ่านได้รับข้อมูลที่ครอบคลุมและเข้าใจเรื่องราวได้อย่างละเอียดลึกซึ้ง

ตัวอย่างการใช้มุมมองพระเจ้า : นิยายอิงประวัติศาสตร์หรือแฟนตาซีหลายเรื่องใช้มุมมองพระเจ้าในการเล่าเรื่อง เพื่อให้ผู้อ่านเข้าใจบริบททางประวัติศาสตร์หรือโลกในจินตนาการได้อย่างครอบคลุม เช่น “แสงแดดอ่อนๆ สาดส่องลงมาบนใบหน้าของหญิงสาวผู้กำลังนอนหลับอยู่ข้างๆ ชายหนุ่มคนรัก ในใจของเธอเต็มไปด้วยความหวังและความฝันอันยิ่งใหญ่ แต่เธอไม่รู้เลยว่าวันนี้ชีวิตของเธอจะเปลี่ยนไปตลอดกาล”

4. มุมมองบุคคลที่สามจำกัด (Third Person Limited)

มุมมองบุคคลที่สามจำกัด เป็นการเล่าเรื่องที่แตกต่างจากมุมมองอื่นๆ ตรงที่ผู้อ่านจะได้เห็นเหตุการณ์และความรู้สึกผ่านสายตาของตัวละครเพียงตัวเดียว ไม่เหมือนกับมุมมองบุคคลที่หนึ่งที่ตัวละครจะเล่าเรื่องจากมุมมองของตัวเอง หรือมุมมองบุคคลที่สามที่รู้ทุกอย่าง การจำกัดมุมมองแบบนี้ทำให้ผู้อ่านรู้สึกใกล้ชิดกับตัวละครหลักมากขึ้น และเข้าใจแรงจูงใจของตัวละครได้อย่างลึกซึ้ง

ตัวอย่างการใช้มุมมองบุคคลที่สามจำกัด : “เธอเดินไปตามถนนสายเปลี่ยว ลมพัดโชยมาแตะใบหน้าเบาๆ เธอรู้สึกเหงาและโดดเดี่ยว จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังมาจากด้านหลัง เธอหันกลับไปมองอย่างรวดเร็ว แต่ก็ไม่เห็นใคร” หรือ “ตากลมโตของเขาจ้องมองออกไปนอกหน้าต่าง รอยยิ้มบางๆ เลือนหายไปเมื่อเขานึกถึงของเล่นที่อยากได้ เขาขบเมล็ดกาแฟในปากเบาๆ รู้สึกกระวนกระวายใจเล็กน้อย” เป็นต้น


ทั้งนี้ POV ใน TikTok จะไม่ได้อิงรูปแบบที่เป็นแพทเทิร์นจริงจังเหมือนข้อมูลด้านบน แต่จะเน้นรูปแบบที่หลากหลายและสร้างสรรค์มากกว่า ซึ่งรูปแบบ POV ที่นิยมกันใน TikTok มีดังนี้


  • POV เล่าเรื่อง : เป็นรูปแบบที่นิยมมากที่สุดรูปแบบหนึ่ง โดยผู้สร้างจะเล่าเรื่องราวจากมุมมองของตัวเอง เช่น เล่าเรื่องความรัก ความสัมพันธ์ ประสบการณ์ชีวิต เรื่องผี หรือเรื่องราวตลกขบขันต่างๆ


  • POV สร้างสถานการณ์ : ผู้สร้างจะสร้างสถานการณ์สมมติขึ้นมา แล้วให้ผู้ชมได้เข้าไปอยู่ในเหตุการณ์นั้นๆ เช่น เป็นนักเรียนที่กำลังทำข้อสอบ เป็นไอดอลที่ถูกซาแซงตาม หรือเป็นตัวละครในภาพยนตร์


  • POV ตอบคำถาม : ผู้สร้างจะตอบคำถามที่คนสงสัยหรืออยากรู้ โดยนำเสนอในรูปแบบ POV เพื่อให้ผู้ชมรู้สึกเหมือนกำลังคุยกันตัวต่อตัว


  • POV ทำตามเทรนด์ : ผู้สร้างจะทำตามเทรนด์ที่กำลังฮิตบน TikTok โดยนำมาปรับให้เข้ากับรูปแบบ POV ของตัวเอง


  • POV สอนทำอะไรบางอย่าง : ผู้สร้างจะสอนทักษะต่างๆ เช่น การทำอาหาร การแต่งหน้า การออกกำลังกาย หรือการติดตั้งแอปพลิเคชันใหม่ๆ บนสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ต โดยนำเสนอในรูปแบบ POV เพื่อให้ผู้ชมรู้สึกเหมือนกำลังเรียนรู้กับเพื่อน


  • POV สร้างความบันเทิง : ผู้สร้างจะสร้างคลิป POV ที่เน้นความสนุกสนานและตลกขบขัน เช่น การทำท่าทางตลกๆ การเลียนแบบคนดัง หรือการเล่นมุกตลกนั่นเอง


บทสรุป

จะเห็นได้ว่า POV ไม่ใช่แค่เทรนด์ฮิตบน TikTok แต่ยังเป็นเครื่องมือที่ทำให้แบรนด์ของคุณดูโดดเด่นกว่าใครๆ และถ้าคุณอยากให้แบรนด์ของคุณเป็นที่จดจำ ลองปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านรับทำการตลาดออนไลน์ เพื่อสร้างสรรค์คอนเทนต์ POV ที่ตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายของคุณ

Powered by Froala Editor

สายงานครีเอทีฟโฆษณา (Creative) ทำอะไรบ้าง ใครอยากเข้าวงการนี้ต้องรู้ !

อยากรู้ว่า "ครีเอทีฟโฆษณา" ทำอะไรบ้าง ต้องเรียนอะไรมาและมีรายได้เท่าไหร่ มาไขข้อข้องใจในทุกคำถาม พร้อมพาไปสำรวจโลกของการทำงานที่เต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์

TikTok Affiliate คืออะไร ? เผยเคล็ดลับสร้างรายได้เสริมง่ายๆ บนมือถือ

เราจะพาทุกคนไปรู้จักกับระบบ TikTok Affiliate ว่าคืออะไร ทำงานยังไง พร้อมวิธีสมัครแบบง่ายๆ ทีละขั้นตอน รับรองว่าอ่านจบสามารถเริ่มสร้างรายได้จาก TikTok แน่นอน !

Blogs
รับทำเว็บไซต์ by SiNGHADEVELOP CO.,LTD.