CRM คืออะไร พร้อมเปิดกลยุทธ์สร้างธุรกิจให้ประสบความสำเร็จง่าย ๆ
ในปัจจุบันมีธุรกิจต่าง ๆ ถือกำเนิดขึ้นอย่างมากมาย ในสินค้าชนิดเดียวกัน ต่างก็มีคู่แข่งทางธุรกิจผุดขึ้นมาแย่งส่วนแบ่งทางการตลาดอย่างต่อเนื่อง แล้วสำหรับเจ้าของธุรกิจควรใช้กลยุทธ์อะไรกันล่ะ ที่ช่วยให้ธุรกิจตนเองมีแต้มต่อ สามารถทำให้ลูกค้าตัดสินใจเลือกสินค้าและบริการของคุณตั้งแต่การซื้อครั้งแรก ครั้งที่สอง และครั้งถัด ๆ ไป วันนี้เราจะพาผู้อ่านทุกท่านมาทำความรู้จักกับกลยุทธ์หนึ่งที่มีชื่อเรียกว่า “CRM” ที่จะช่วยให้คุณเอาชนะใจลูกค้า ดึงดูดให้พวกเขากลับมาซื้อซ้ำ และบอกต่อถึงสินค้าและบริการของคุณได้อย่างยังยืน
CRM (Customer Relationship Management) คืออะไร ? สำคัญอย่างไรกับธุรกิจ
CRM ย่อมาจาก คำว่า “Customer Relationship Management” แปลตรงตัวได้ว่า “การบริหาร หรือ การจัดการความสัมพันธ์ระหว่างลูกค้าและธุรกิจ” ในทุกวันนี้การใช้แค่เพียงกลยุทธ์ด้านการพัฒนาคุณภาพสินค้า หรือกลยุทธ์ด้านการตั้งราคาเพียงอย่างเดียวนั้น ไม่เพียงพออีกต่อไปแล้ว
สำหรับการทำให้ธุรกิจประสบความสำเร็จได้นั้น ทุกบริษัทต่างก็พยายามนำเสนอสินค้าและบริการที่ดีที่สุดเพื่อดึงดูดลูกค้า แล้วอะไรล่ะ ? ที่ทำให้ลูกค้าตัดสินใจเลือกซื้อสินค้าของคุณ คุณมีอะไรที่แตกต่างออกไปจากธุรกิจอื่น และอะไรคือจุดต่างที่ทำให้คุณเหนือกว่าคู่แข่ง ? เราจะขอยกตัวอย่าง CRM ของธุรกิจร้านอาหาร ให้ทุกคนเข้าใจและเห็นภาพไปพร้อม ๆ กัน
“เปรียบเทียบธุรกิจร้านอาหารสองแห่ง ร้านแรกมีเมนูอาหารที่เหมือน ๆ กับร้านทั่วไป รสชาติก็ไม่ได้โดดเด่นอะไร ในขณะที่อีกร้านมีเมนูที่แปลกใหม่ รสชาติอร่อยไม่เหมือนใคร บรรยากาศในร้านก็อบอุ่น ลูกค้าจะเลือกไปทานร้านไหน ? แน่นอนว่าลูกค้าส่วนใหญ่ย่อมเลือกไปทานร้านที่สอง ”
ดังนั้น เมื่อคุณเข้าใจว่าสิ่งไหนคือจุดแข็งของธุรกิจตัวเอง ควรนำสิ่งนั้นมาเสนอให้ตรงใจลูกค้า มอบประสบการณ์ที่ดี สร้างความแตกต่างจากคู่แข่ง ลูกค้าก็จะเลือกซื้อสินค้าของคุณ และอย่าลืมว่า ธุรกิจที่ประสบความสำเร็จไม่ใช่แค่ขายสินค้าหรือบริการ แต่คือการ “ขายความรู้สึก” ให้กับลูกค้านั้นเอง ซึ่งสิ่งนี้จะเป็นเครื่องหมายการันตรีว่า คุณก็สามารถสร้างความแตกต่างให้กับธุรกิจได้ คือการสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างลูกค้ากับธุรกิจให้เกิดขึ้น โดยมีเป้าหมายเพื่อนำไปสู่เป็นคำตอบสุดท้ายของการตัดสินใจเลือกซื้อสินค้าในครั้งที่หนึ่ง ครั้งที่สอง สาม ไปจนถึงครั้งถัด ๆ ไป จนทำให้เกิดสิ่งที่เรียกว่า Brand Loyalty หรือความรู้สึกผูกพัน และจงรักภักดีต่อสินค้าและบริการของธุรกิจ เพื่อการวางแผนการตลาดต่อไปในอนาคต
กลยุทธ์ CRM เหมาะกับใครและธุรกิจประเภทไหนบ้าง
ระบบ CRM จำเป็นต้องนำมาใช้ในธุรกิจทุกประเภทเลยหรือไม่ ? คำตอบคือ ใช่ หากต้องการให้ธุรกิจของตนเองประสบความสำเร็จ ไม่ว่าธุรกิจของคุณจะสเกลเล็กหรือใหญ่ขนาดไหน จะขายตั้งแต่สากกะเบือไปจนถึงเรือรบ หากอยากเข้าไปนั่งในใจของลูกค้า และทำกำไรอย่างต่อเนื่อง CRM คือคำตอบสำหรับคุณอย่างแน่นอน !
- ธุรกิจ B2B : CRM ช่วยให้จัดการข้อมูลลูกค้าองค์กร วิเคราะห์โอกาสทางธุรกิจ ติดตามความคืบหน้าของดีล และสร้างความสัมพันธ์อันยาวนานกับลูกค้า
- ธุรกิจ B2C : CRM ช่วยให้เข้าใจพฤติกรรมลูกค้าแต่ละบุคคล มอบประสบการณ์ที่เหนือระดับ เพิ่มยอดขาย และสร้างฐานลูกค้าที่เหนียวแน่น
- ธุรกิจบริการ : CRM ช่วยให้บริหารจัดการตารางนัดหมาย ติดตามงาน ทีมงานสามารถเข้าถึงข้อมูลลูกค้าได้อย่างสะดวก รวดเร็ว นำไปสู่บริการที่ประทับใจ
ยกตัวอย่างผลลัพธ์ที่ได้จากการใช้ CRM
- บริษัท A เพิ่มยอดขาย 15% ภายใน 6 เดือน หลังจากเริ่มใช้ระบบ CRM
- บริษัท B ลดต้นทุนการบริการลูกค้า 30% ด้วยการใช้ระบบ CRM วิเคราะห์ปัญหาและแก้ไขได้รวดเร็ว
- บริษัท C รักษาฐานลูกค้าเก่าได้ถึง 80% ด้วยการใช้ระบบ CRM สร้างความสัมพันธ์ที่ดีและดูแลลูกค้าอย่างต่อเนื่อง
CRM ไม่ได้เป็นเพียงแค่เครื่องมือ แต่เป็นกลยุทธ์สู่ความสำเร็จ การใช้ CRM อย่างชาญฉลาด จะช่วยให้ธุรกิจของคุณเข้าใจลูกค้า ตอบสนองความต้องการได้ตรงจุด สร้างความสัมพันธ์ที่ดี และบรรลุเป้าหมายทางธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ คุณสามารถลองศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับระบบ CRM เลือกซอฟต์แวร์ที่เหมาะกับธุรกิจของคุณ เพื่อนำมาปรับใช้ให้เข้ากับกลยุทธ์ขององค์กร ฝึกอบรมพนักงานให้ใช้ระบบอย่างมีประสิทธิภาพ เพียงเท่านี้ คุณก็พร้อมที่จะก้าวสู่ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ควบคู่ไปกับ CRM
ขั้นตอนการวางกลยุทธ์ CRM ให้ธุรกิจคุณประสบความสำเร็จมากกว่าที่เคย
หลังจากเข้าใจถึงที่มาและความสำคัญของ CRM แล้ว เราก็จะมาพูดถึงขั้นตอนของการวางกลยุทธ์ CRM และหัวใจหลักของการก้าวเข้าสู่ความสำเร็จกัน ที่จะเป็นกุญแจสำคัญนำพาธุรกิจของคุณไปสู่ความสำเร็จเหนือระดับ เตรียมพร้อมรับรู้ถึงหัวใจหลักและกลยุทธ์เด็ด ๆ ที่จะช่วยให้คุณเข้าใจภาพรวมของกระบวนการ CRM ว่าแต่ละทีมมีบทบาทหน้าที่อย่างไร
1. การทำความรู้จักกับลูกค้า
สิ่งนี้จะมาจากการเก็บข้อมูล Demographic Data ของกลุ่มลูกค้า ซึ่งอาจจะผ่านการลงทะเบียนสมัครสมาชิก เพื่อให้ธุรกิจได้ฐานข้อมูลของลูกค้า และปัจจุบันเทคโนโลยีที่การเก็บข้อมูลที่ก้าวหน้าขึ้น การใช้ซอฟต์แวร์ต่าง ๆ มาช่วยในการจัดเก็บข้อมูลจะเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ และง่ายต่อการนำไปสู่ขั้นตอนถัดไป
2. การวิเคราะห์และแบ่งกลุ่มลูกค้า
หลังจากได้ข้อมูลอันล้ำค่ามาแล้ว ส่วนที่สำคัญยิ่งกว่าคือการวิเคราะห์ข้อมูล หรือ Data Analysis ซึ่งจะเป็นการสรุปข้อมูลของลูกค้าในแง่มุมต่าง ๆ เช่น กลุ่มอายุ เพศ พฤติกรรมขแงลูกค้า ซึ่งสิ่งเหล้านี้จะทำให้คุณเข้าใจมากขึ้นว่ากลุ่มลูกค้าของธุรกิจคือกลุ่มไหน ควรพุ่งเป้า หรือทำการตลาด หรือพัฒนาผลิตภัณฑ์ไปในทิศทางใด ที่จะตอบโจทย์ฐานลูกค้าหลักของธุรกิจ
3. การเพิ่ม Engagement ระหว่างลูกค้ากับแบรนด์
ปัจจุบันการซื้อขายแลกเปลี่ยนเพียงอย่างเดียว ก็ถือเป็นความสัมพันธ์ที่ไร้รสชาติ ขาดเสน่ห์ ไม่น่าจดจำ ดังนั้นเจ้าของธุรกิจและทีมงาน ควรหากิจกรรมต่าง ๆ เพื่อมาเสริมสร้างความสัมพันธ์ที่แข็งแรงกับลูกค้า เช่น ให้ลูกค้าร่วมออกแบบ Packaging บัตรสะสมแต้ม การมีลำดับขั้นของสมาชิกพร้อมของสมนาคุณ เป็นต้น
4. การเตรียมพร้อมพัฒนาและปรับปรุงกลยุทธ์อยู่เสมอ
ปัจจุบันนี่คือยุคของการเป็นผู้ฟังที่ดี ดังนั้นหากธุรกิจใด สามารถแสดงให้ลูกค้าเห็นว่าแบรนด์ใส่ใจและให้ความสำคัญกับความคิดเห็นของลูกค้า เปิดรับคำติชมและรับฟังอย่างตั้งใจ รวมถึงนำประเด็นเหล่านั้นไปพัฒนาคุณภาพสินค้าและบริการอย่างสม่ำเสมอ ก็ไม่ยากที่ธุรกิจของคุณจะมีโอกาสได้ไปนั่งในในของลูกค้า รวมถึงการบอกต่อสินค้าและบริการอีกด้วย
5. การวัดผลลัพธ์
เป็นขั้นตอนสุดท้ายที่สำคัญมาก การวัดผลลัพธ์อย่างเป็นรูปธรรม จะทำให้ผู้ประกอบการมองเห็นผลลัพธ์ของการดำเนินการตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ว่าดำเนินการเข้าใกล้เป้าหมาย เกินเป้าหมาย หรือยังไม่ถึงเป้าหมายอย่างไร และควรจะมีแนงทางการพัฒนาในส่วนใดต่อไปในอนาคต
ประโยชน์ของ CRM ที่มีต่อธุรกิจที่ไม่ได้มีดีแค่การเพิ่มยอดขาย
จากที่คุณได้ทำความรู้จัก เข้าใจถึงความสำคัญและกระบวนการของกลยุทธ์ CRM แล้ว คงจะพอเห็นภาพว่า CRM เป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์อย่างมากสำหรับการดำเนินธุรกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากมีการนำเทคโนโลยีด้านข้อมูลเข้ามาช่วยด้วยแล้วนั้น จะทำให้ผู้ประกอบการมีคลังข้อมูลขนาดใหญ่เกี่ยวกับลูกค้า และสามารถนำข้อมูลที่ผ่านการวิเคราะห์และจัดหมวดหมู่ มาใช้วางแผนในการดำเนินธุรกิจต่อไปได้อย่างราบรื่น รวมถึงสามารถคาดเดาหรือคาดหวังความสำเร็จของธุรกิจได้มากขึ้น
เนื่องจากกลยุทธ์นี้จะไม่ทำให้คุณเดินอย่างสะเปะสะปะ แต่เป็นการเดินตรงไปยังกลุ่มเป้าหมายของธุรกิจได้อย่างตรงจุด หากไม่มีลูกค้าคนสำคัญที่คอยให้ความสนใจและเลือกซื้อสินค้า ตลอดจนให้ความไว้วางใจและเลือกซื้อสินค้าและบริการ ธุรกิจคงจะประสบความสำเร็จได้ยาก ดังนั้นกลยุทธ์ CRM ที่ย่อมาจาก “Customer Relationship Management” จึงถือว่าเป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการทุกคนควรจะ Keep in Mind และนำไปปรับใช้เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับธุรกิจของตนเอง
บทสรุป
หากได้ลองปรับธุรกิจตามกลยุทธ์ CRM ตามขั้นตอนข้างต้นแล้ว การสร้างธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ ก็อาจจะเป็นเรื่องที่ง่ายกว่าที่คุณคิด และหากคุณยังมองหาวิธีการในการทำการตลาดออนไลน์ในแบบอื่น ๆ ให้เรา ดิจิทัล แฟคตอรี่ เอเจนซี่ มาเป็นหนึ่งในผู้ช่วยของคุณ เนื่องจากเรามีทีมที่แข็งแกร่งในการวางแผนกลยุทธ์และวิธีการต่าง ๆ พร้อมรับทำการตลาดออนไลน์ เพื่อให้ธุรกิจของคุณเติบโตไปข้างหน้าแบบก้าวกระโดด
Powered by Froala Editor
Powered by Froala Editor
Powered by Froala Editor
Powered by Froala Editor
Powered by Froala Editor
Powered by Froala Editor
Powered by Froala Editor
Powered by Froala Editor
Powered by Froala Editor
Powered by Froala Editor
Powered by Froala Editor
Powered by Froala Editor
Fandom Marketing คืออะไร ตีตลาดแฟนด้อมอย่างไรให้ Impact
แฟนด้อม คืออะไร หลายคนอาจจะคุ้นเคยกับคำว่า "แฟนคลับ" อยู่แล้ว แต่รู้ไหมว่าแฟนคลับกับแฟนด้อมแตกต่างกันยังไง ทำไมหลาย ๆ แบรนด์ถึงเริ่มหันมาทำ Fandom Marketing กันมากขึ้น บทความนี้มีคำตอบ
เทคนิคเขียน Call to Action สั้น ๆ แต่ทรงพลัง จนคนต้องคลิก !
Call to Action คืออะไร, CTA ย่อมาจากอะไร ทำไมถึงสำคัญ, หน้าที่หลักของการทำ Call to Action มีอะไรบ้าง พร้อมเผยเทคนิคการทำและ Call to Action ตัวอย่างที่น่าสนใจ