
Engagement คืออะไร ? ทำไมถึงเป็นตัวชี้วัดสำคัญกับธุรกิจออนไลน์
เคยสงสัยไหมว่า ในขณะที่บางโพสต์ของคุณถูกฝังกลบไปกับข้อมูลจำนวนมหาศาลบนโลกออนไลน์ แต่บางโพสต์กลับกลายเป็นไวรัลและถูกแชร์ไปทั่วทุกมุมโลก คำตอบของคำถามนี้อยู่ที่ "Engagement" หรือ "การมีส่วนร่วม" นั่นเอง
บทความนี้จะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับ “Engagement” หรือ “การมีส่วนร่วม” ที่มากกว่าแค่ยอดไลค์ ยอดแชร์ แต่เป็นวิธีสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รักของลูกค้าและผู้พบเห็นอย่างยั่งยืน
Engagement หมายถึง ?
Engagement หรือ การมีส่วนร่วมในบริบทของโลกออนไลน์และการตลาด หมายถึง ปฏิสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นระหว่างผู้คนกับแบรนด์ หรือคอนเทนต์บนช่องทางต่างๆ เช่น โซเชียลมีเดีย เว็บไซต์ หรืออีเมล
ซึ่งการมีส่วนร่วมนี้ไม่ได้จำกัดอยู่แค่การกดไลค์หรือคอมเมนต์ แต่รวมถึงการแชร์ การโต้ตอบ การเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ ที่แบรนด์จัดขึ้น หรือการคลิกลิงก์เพื่อไปยังหน้าเว็บไซต์อื่นๆ และการสร้างปฏิสัมพันธ์อื่นๆ ที่แสดงให้เห็นว่าผู้คนให้ความสนใจและมีส่วนร่วมกับแบรนด์ของคุณ การกระทำเหล่านี้บ่งบอกว่าลูกค้าหรือผู้ชมกำลังมีส่วนร่วมกับโฆษณาคุณและสนใจในสิ่งที่คุณสื่อสารออกไป
ยอด Engagement คือ ?
ยอด Engagement หรือยอดการมีส่วนร่วมในโลกโซเชียลมีเดีย หมายถึง จำนวนครั้งที่ผู้คนมีปฏิสัมพันธ์กับโพสต์หรือคอนเทนต์ของคุณ ไม่ว่าจะเป็นการกดไลค์ คอมเมนต์ แชร์ หรือการโต้ตอบในรูปแบบอื่นๆ ซึ่งเป็นตัวชี้วัดที่สำคัญว่าคอนเทนต์ของคุณได้รับความสนใจและดึงดูดผู้คนมากน้อยแค่ไหน
Engagement มีอะไรบ้าง ?
Engagement หรือการมีส่วนร่วมของลูกค้านั้นมีหลากหลายรูปแบบ ซึ่งแต่ละรูปแบบก็สะท้อนถึงความสนใจและปฏิสัมพันธ์ที่แตกต่างกันของผู้บริโภคต่อแบรนด์ของคุณ ดังนั้น การทำความเข้าใจประเภทของ Engagement จะช่วยให้คุณสามารถวัดผลและปรับปรุงกลยุทธ์การตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
1. Direct Engagement หรือ Engagement ที่วัดได้โดยตรง
การกดไลค์ แสดงความชอบหรือเห็นด้วยกับโพสต์
การคอมเมนต์ แสดงความคิดเห็นหรือตั้งคำถามเกี่ยวกับโพสต์
การแชร์ การส่งต่อโพสต์ไปยังเพื่อนหรือกลุ่มต่างๆ
การบันทึกโพสต์ไว้ดูภายหลัง
การคลิกลิงก์ที่อยู่ในโพสต์ เช่น ลิงก์ไปยังเว็บไซต์หรือผลิตภัณฑ์
การเข้าร่วมตอบแบบสำรวจที่แบรนด์จัดขึ้น
การเข้าร่วมกิจกรรม เช่น การไลฟ์สด การแข่งขัน หรือการตอบคำถาม
การส่งข้อความส่วนตัวโดยตรงไปยังแบรนด์
การซื้อสินค้า เป็นการแสดง Engagement สูงสุด เพราะแสดงให้เห็นว่าผู้ติดตามได้ตัดสินใจซื้อสินค้าหรือบริการของแบรนด์แล้ว
2. Indirect Engagement หรือ Engagement ที่วัดได้โดยอ้อม
การดูวิดีโอจนจบ แสดงให้เห็นว่าผู้ชมสนใจในเนื้อหาของวิดีโอ
การรับชมสตอรี่ การดูสตอรี่ของแบรนด์
การฟังพอดแคสต์ที่แบรนด์ผลิต
การอ่านบทความที่แบรนด์เผยแพร่
การดาวน์โหลดแอปพลิเคชันที่แบรนด์พัฒนาขึ้น
การเข้าร่วมกลุ่มหรือชุมชนที่แบรนด์เป็นเจ้าของหรือมีส่วนร่วม
3. Engagement ในรูปแบบอื่นๆ
การพูดถึงแบรนด์ของคุณบนช่องทางอื่นๆ เช่น การรีวิว การแนะนำเพื่อน
การสร้างเนื้อหาเกี่ยวกับแบรนด์ ผู้ใช้สร้างเนื้อหาเกี่ยวกับแบรนด์ของคุณ เช่น วิดีโอ, ภาพ หรือบทความ
การเข้าร่วมกิจกรรมออฟไลน์ การเข้าร่วมงานอีเวนท์หรือกิจกรรมที่แบรนด์จัดขึ้น
วิธีการสร้าง Engagement เพื่อสร้างปฏิสัมพันธ์กับลูกค้าอย่างมีประสิทธิภาพ
การสร้าง Engagement คือ การกระตุ้นให้ผู้คนมีส่วนร่วมกับแบรนด์หรือคอนเทนต์ของคุณ ไม่ว่าจะเป็นการกดไลค์ คอมเมนต์ แชร์ หรือการโต้ตอบในรูปแบบอื่นๆ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการทำการตลาดในยุคดิจิทัล เพราะเมื่อลูกค้ามีส่วนร่วมกับแบรนด์ของคุณมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งแสดงให้เห็นว่าแบรนด์ของคุณมีความน่าสนใจและตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้มากเท่านั้น
ทั้งนี้ วิธีการสร้าง Engagement เพื่อสร้างปฏิสัมพันธ์กับลูกค้าอย่างมีประสิทธิภาพ จะมีทั้งหมด 4 วิธีด้วยกัน คือ การสร้างคอนเทนต์ที่น่าสนใจ, การสร้างปฏิสัมพันธ์, การใช้เครื่องมือที่เหมาะสม และการร่วมมือกับ Influencer
1. การสร้างคอนเทนต์ที่น่าสนใจ
การสร้างคอนเทนต์ที่โดนใจต้องเริ่มจากการทำความเข้าใจลูกค้าให้ลึกซึ้ง ทั้งพฤติกรรมและความต้องการที่แท้จริง เพื่อสร้างสรรค์เนื้อหาที่ตอบโจทย์ จากนั้นจึงนำเสนอคอนเทนต์ในรูปแบบที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นภาพสวยๆ วิดีโอสนุกๆ หรือบทความที่อ่านเพลินๆ ที่สำคัญคือคอนเทนต์นั้นต้องมอบคุณค่าและประโยชน์ต่อลูกค้าและผู้ชมด้วย
2. การสร้างปฏิสัมพันธ์
การสร้างปฏิสัมพันธ์กับลูกค้าเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการเพิ่ม Engagement โดยคุณสามารถทำได้หลายวิธี เช่น การตอบคอมเมนต์อย่างรวดเร็วและจริงใจเพื่อแสดงให้เห็นว่าคุณใส่ใจในความคิดเห็นของลูกค้า หรือการตั้งคำถามเพื่อกระตุ้นให้ลูกค้าเข้ามามีส่วนร่วมในการสนทนา รวมไปถึงการจัดกิจกรรมต่างๆ เช่น การแข่งขันหรือการแจกของรางวัล และอย่าลืมที่จะไลฟ์สดเพื่อเปิดโอกาสให้ลูกค้าได้พูดคุยกับแบรนด์แบบเรียลไทม์ ซึ่งเป็นการสร้างความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดและเป็นกันเอง
3. การใช้เครื่องมือที่เหมาะสม
การเลือกใช้เครื่องมือที่เหมาะสมควรเริ่มจากการเลือกใช้โซเชียลมีเดียที่ตรงกับกลุ่มเป้าหมายของคุณ นอกจากนี้ คุณควรใช้เครื่องมือวิเคราะห์ข้อมูลต่างๆ เพื่อให้คุณสามารถวัดผลลัพธ์ของแคมเปญได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น และเพื่อให้การสร้างคอนเทนต์เป็นไปอย่างสะดวกและรวดเร็ว การใช้เครื่องมือสร้างคอนเทนต์ต่างๆ ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ เพราะจะช่วยให้คุณสร้างสรรค์ผลงานที่โดดเด่นและดึงดูดสายตาได้มากยิ่งขึ้น
4. การร่วมมือกับ Influencer
การเลือก Influencer ที่เหมาะสมกับแบรนด์ของคุณเป็นสิ่งสำคัญในการสร้างแคมเปญที่ประสบความสำเร็จ ซึ่งคุณควรเลือก Influencer ที่มีกลุ่มเป้าหมายตรงกับแบรนด์ของคุณ เพื่อให้สามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่ต้องการได้อย่างมีประสิทธิภาพ จากนั้นจึงร่วมกันสร้างสรรค์แคมเปญที่น่าสนใจและดึงดูดผู้ติดตามของ Influencer ให้มาสนใจแบรนด์ของคุณ
บทสรุป
จะเห็นได้ว่า Engagement คือ หัวใจสำคัญของความสำเร็จบนโลกออนไลน์ เปรียบเสมือนเสียงตอบรับที่บอกคุณว่าสิ่งที่คุณทำอยู่นั้นถูกต้องหรือไม่ เพราะยิ่งมีคนเข้ามามีส่วนร่วมกับแบรนด์ของคุณมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งตอกย้ำว่ากลยุทธ์ของคุณนั้นได้ผล และช่วยให้แบรนด์ของคุณเติบโตได้อย่างยั่งยืน อย่างไรก็ตาม การใช้บริการรับยิงแอดจะช่วยเพิ่ม Engagement ได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ทำให้แบรนด์ของคุณเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้มากขึ้น และสร้างผลลัพธ์ที่วัดผลได้จริง
Powered by Froala Editor

รู้จักกับ Data-Driven Marketing สำหรับวางแผนการตลาดที่เน้นข้อมูล
Data-Driven Marketing คืออะไร ทำไม Data ถึงสำคัญ บอกประโยชน์ของการเก็บข้อมูล (Data) ที่ช่วยให้ธุรกิจตรงความต้องการของผู้บริโภค หากอยากรู้ว่าจะได้ผลยังไง คลิกอ่านได้ที่นี่
Marketing Psychology คืออะไร ? ทำไมสำคัญต่อแบรนด์ของคุณ
แจกของแถมแต่ยอดขายไม่พุ่ง เค่ของถูกของแถมอาจยังไม่พอ ! เคล็ดลับที่จะช่วยให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อได้ นั่นก็คือ Marketing Psychology จิตวิทยาการตลาด ว่าแต่ คืออะไร มาดูกัน !