7Ps Marketing คืออะไร อยากพิชิตใจลูกค้าอยู่หมัดต้องทำอย่างไรบ้าง
การเริ่มต้นทำธุรกิจทั้งแบบออฟไลน์และออนไลน์ให้ประสบความสำเร็จ อาจต้องมีการใช้กลยุทธ์ทางการตลาดเข้ามาประยุกต์ใช้กับธุรกิจอย่างเหมาะสม หนึ่งในกลยุทธ์ทางการตลาดที่ได้รับความนิยมเป็นวงกว้าง และทำให้ธุรกิจบางเจ้าถึงขั้นประสบความสำเร็จ ดึงดูดลูกค้าได้นับไม่ถ้วน ทั้งๆ ที่ขายของคล้ายๆ กัน ? ซึ่งเคล็ดลับหนึ่งที่พวกเขามักใช้ก็คือ กลยุทธ์ “7Ps Marketing” หรือ “7Ps Marketing Mix” นั่นเอง !
แล้วเจ้ากลยุทธ์ 7Ps Marketing Mix คืออะไร มีส่วนประสมทางการตลาด 7Ps อย่างไรบ้าง ? วันนี้ Digital Factory จะมาแนะนำวิธีการนำกลยุทธ์นี้มาปรับใช้ในธุรกิจ โดยเฉพาะในธุรกิจออนไลน์ ที่จะช่วยให้ธุรกิจของคุณครองใจลูกค้าแบบอยู่หมัด
7Ps Marketing หรือ 7Ps Marketing Mix คืออะไร ?
7Ps Marketing หรือ 7Ps Marketing Mix คือ กลยุทธ์การตลาดที่เป็นขั้นพื้นฐานในการทำการตลาดของทุกธุรกิจ โดยจะเป็นการวางแผนตั้งแต่เริ่มต้นในทุกองค์ประกอบ ซึ่งทั้งหมดนี้จะช่วยส่งเสริมให้ธุรกิจของคุณประสบผลสำเร็จได้เป็นอย่างดีและมีแบบแผน ทั้งการให้ความสำคัญกับผลิตภัณฑ์ ราคาขายสินค้า ช่องทางการจัดจำหน่าย กระบวนการ การส่งเสริมการตลาด ครอบคลุมไปถึงการบริการหลังการขาย ถูกคิดค้นโดย E. Jerome McCarthy
แต่เดิมแล้ว 7Ps มีพื้นฐานมาจากส่วนผสมทางการตลาดหรือที่รู้จักกันในชื่อ 4Ps ที่น่าจะเป็นที่คุ้นเคยของนักการตลาดมากกว่า โดยมีส่วนประกอบดังนี้ Product, Price, Place, Promotion และในเวลาต่อมาเพื่อเพิ่มให้กลยุทธ์มีประสิทธิภาพมากขึ้นโดยเฉพาะกับ ‘ธุรกิจบริการ’
ส่วนประสมทางการตลาด 7Ps Marketing Mix มีอะไรบ้าง ?
ส่วนประสมทางการตลาด 7Ps คือ เครื่องมือที่พัฒนามาจากการตลาด 4Ps Marketing มาก่อน ที่เน้นให้ความสำคัญเฉพาะตัวผลิตภัณฑ์หรือสินค้าเป็นหลัก และมีเพียง 4 องค์ประกอบเท่านั้น อันได้แก่ Producs, Price, Place และ Promotion
แต่สำหรับ “7Ps Marketing” จะเพิ่ม 3 องค์ประกอบเข้ามา อันได้แก่ People, Process และ Physical Evidence ซึ่งส่วนประสมทางการตลาด 7Ps นี้ ถือเป็นการเพิ่มกลยุทธ์เพื่อให้เข้ากับธุรกิจในปัจจุบัน และยังช่วยตอบสนองความต้องการให้กับกลุ่มผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี แล้วหลักการ 7Ps มีอะไรบ้าง แต่ละองค์ประกอบมีความสำคัญและเกี่ยวข้องกันอย่างไร มาดูกัน
1. Product (สินค้า)
Product ในหลักการตลาด 7Ps Marketing ไม่ได้หมายถึงเพียงผลิตภัณฑ์ สินค้า หรือการบริการเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงลักษณะของสินค้าที่ต้องบ่งบอกความเป็น Branding ของธุรกิจคุณได้ ซึ่งจะต้องมีการสำรวจพฤติกรรมผู้บริโภค ความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย ผลตอบรับการใช้งานทั้งลูกค้าเก่าและใหม่ แล้ววิเคราะห์ข้อมูลเหล่านี้ เพื่อนำมาปรับและพัฒนาให้ผลิตภัณฑ์ สินค้า หรือการบริการดียิ่งขึ้นไปอีก
สำหรับธุรกิจออนไลน์สามารถนำหลักการตลาด 7Ps มาปรับใช้ โดยอาจเริ่มจากการหาจุดเด่นของผลิตภัณฑ์ ทั้งคุณสมบัติ สรรพคุณ ลักษณะ ขนาด ปริมาณ ความทนทาน หรือจุดเด่นอื่นๆ ที่จะช่วยบ่งบอกตัวตนของแบรนด์ได้ และยังต้องคำนึงถึงประโยชน์ของผลิตภัณฑ์ หรือคุณค่าที่ผู้บริโภคจะได้รับด้วย เพื่อสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า จนนำไปสู่การกลับมาใช้บริการซ้ำ
2. Price (ราคา)
Price หรือราคาขายในการทำธุรกิจจะเป็นการคำนวณจากต้นทุน ค่าตอบแทน หรือผลกำไรที่จะต้องได้รับ หรือคาดหวังไว้ แต่ในหลักการตลาด 7Ps จำเป็นต้องคำนวณและคำนึงถึงปัจจัยต่างๆ มากกว่านั้น เพราะราคามีส่วนในการตัดสินใจซื้อผลิตภัณฑ์เป็นอันดับต้นๆ ต้องเป็นราคาที่อยู่ในเกณฑ์ที่สามารถจ่ายได้ และเต็มใจจ่าย หรือเป็นราคาที่อาจรวมการบริการที่ผู้บริโภคจะได้รับไว้แล้ว
อย่างเช่น หากสินค้าของคุณมีการตั้งราคาขายในเกณฑ์กลางๆ ทั่วไป หรือเทียบเท่ากับราคาในท้องตลาด แต่หากมีการคิดค่าบริการเพิ่มเติม เช่น ค่าขนส่ง ค่าธรรมเนียม หรือค่าบริการต่างๆ อาจทำให้ผู้บริโภคเริ่มลังเลที่จะจ่าย เพราะผู้บริโภคไม่ได้อิงจากราคาเพียงอย่างเดียว แต่ยังมองภาพรวมถึงคุณภาพ การบริการ ความคุ้มค่าอย่างอื่นที่ได้รับจากการซื้อผลิตภัณฑ์ในครั้งนี้ด้วย
สำหรับธุรกิจที่เป็นรูปแบบการซื้อขายแบบออนไลน์ จำเป็นต้องคิดค่าบริการขนส่ง อาจนำกลยุทธ์ 7Ps มาปรับใช้ เช่น การตั้งราคาตามหลักจิตวิทยาของผู้ซื้อ อย่างการลงท้ายด้วยเลข 9 การตั้งราคาส่งเสริมการตลาดหรือแคมเปญ ด้วยการปรับลดราคาพิเศษ นอกจากนี้คุณยังสามารถกำหนดราคาตามจำนวนสินค้าที่ขายได้ อย่างเช่น ราคาขายปลีก ราคาขายส่ง การตั้งราคาขายโดยคำนึงถึงหลายปัจจัย และยึดหลักการตลาด 7Ps จะเป็นการรักษาฐานลูกค้าเก่าได้เป็นอย่างดี และเพิ่มฐานลูกค้าใหม่ในอนาคตได้อย่างเห็นผล
3. Place (ช่องทางการจัดจำหน่าย)
เมื่อมีผลิตภัณฑ์ และราคาขายแล้ว ขั้นต่อไปก็จะเป็นการมองหาช่องทางการจัดจำหน่าย หรือ Place ซึ่งในอดีตอาจมีเพียงการวางขายสินค้าบนเชลฟ์ในห้างสรรพสินค้า หรือการต้องมีหน้าร้านเป็นของตัวเอง แต่ปัจจุบันมีเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามามากมาย จนสามารถวางขายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ได้แล้ว ไม่จำเป็นต้องเป็นที่ห้างสรรพสินค้า หรือหน้าร้านของตนเองเท่านั้น โดยอาจเริ่มต้นจากการวางขายในเว็บไซต์ของธุรกิจคุณก่อน
แต่หากอยากเพิ่มโอกาสในการขาย และเพิ่มการรับรู้ของแบรนด์มากขึ้น จะต้องนำผลิตภัณฑ์หรือสินค้าไปวางขายบนเว็บไซต์อื่น หรือแพลตฟอร์มขายของออนไลน์ที่ได้รับความนิยม แต่จะต้องทำการตลาดออนไลน์ ทำการค้นคว้าศึกษา และวิเคราะห์ข้อมูลของกลุ่มผู้บริโภคก่อนทุกครั้งว่า นิยมซื้อผลิตภัณฑ์ในช่องทางใด หรือแพลตฟอร์มไหน เพราะหากเลือกใช้ช่องทางไม่เหมาะสม ก็จะไม่ส่งผลดีต่อยอดขายเลย
4. Promotion (การส่งเสริมการขาย)
Promotion หรือการส่งเสริมการตลาด ทั้งการจัดแคมเปญ หรือการทำโปรโมชัน การจัดอีเวนท์ต่างๆ ไปจนถึงการทำโฆษณาบนแพลตฟอร์มออนไลน์ เป็นอีกองค์ประกอบสำคัญของ 7Ps Marketing ที่แบรนด์สามารถใช้สื่อสารกับผู้บริโภคได้โดยตรง แต่การเลือกช่องทางการสื่อสารจะต้องมีความเข้าใจก่อนว่า ธุรกิจของคุณเหมาะกับการส่งเสริมการตลาดแบบใด ควรวางแผนทำออกมาในรูปแบบไหน ถึงจะสามารถสื่อสารกับกลุ่มผู้บริโภคได้อย่างชัดเจนและทั่วถึง
5. People (บุคลากร)
อีกหนึ่งปัญหาที่เจ้าของธุรกิจมักจะต้องพบเจออยู่เป็นประจำ และไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้เลย นั่นคือการจัดการบุคลากร “พนักงาน” หรือ “People” เพื่อให้สามารถสื่อสารผลิตภัณฑ์ และส่งต่อข้อมูลของผลิตภัณฑ์ได้อย่างถูกต้องและครบถ้วน รวมถึงการจัดการพนักงานในการปฏิสัมพันธ์กับลูกค้าตามที่คาดหวัง เพื่อให้กลุ่มผู้บริโภคได้รับความประทับใจและประสบการณ์ที่ดีในการบริการ หลายธุรกิจจึงนิยมว่าจ้างฝ่ายบริหารทรัพยากรบุคคลมาช่วยดูแล และจัดการบุคลากรให้เป็นไปตามความคาดหวังของแบรนด์
6. Process (กระบวนการ)
Process หรือ วิธีการ กระบวนการในการให้บริการของแบรนด์ เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับกลุ่มผู้บริโภค โดยจะต้องนำมาปรับใช้กับผลิตภัณฑ์ สินค้า หรือการบริการ ซึ่งกระบวนการนี้จะช่วยสร้างความเข้าใจ และประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้ซื้อได้เป็นอย่างดี ทั้งการคำนึงถึง UX และ UI การยกระดับพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีคุณภาพมากขึ้น การค้นคว้าหาข้อมูลเพื่อนำมาพัฒนาและต่อยอดสินค้า ความรวดเร็วในการบริการ หรือการบริการให้ความช่วยเหลือผู้บริโภคในรูปแบบต่างๆ
7. Physical Evidence (สิ่งแวดล้อมทางกายภาพ)
Physical Evidence สิ่งแวดล้อมทางกายภาพ หรือองค์ประกอบทางกายภาพ คือ องค์ประกอบที่ผู้บริโภคจะสามารถจับต้องได้ พิสูจน์ได้ หรือต้องได้รับ โดยจะต้องเป็นสิ่งที่สร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้บริโภค เพื่อนำไปสู่การกลับมาซื้อซ้ำ ซึ่งองค์ประกอบ Physical Evidence นี้ยังถือว่าเป็นอีกช่องทางที่จะช่วยสร้างภาพลักษณ์ให้กับแบรนด์ได้เป็นอย่างดี ทั้งการแต่งกายของพนักงาน หรือการได้รับบริการที่ดี
แต่สำหรับโลกธุรกิจออนไลน์ จะเป็นการให้ความสำคัญกับหน้าตาเว็บไซต์โดยเฉพาะ ทั้งการออกแบบดีไซน์ สีสัน สไตล์ ช่องทางเซอร์วิสลูกค้า อย่าง Chatbot รวมไปถึงเบอร์โทรศัพท์ อีเมลสำหรับใช้ในการติดต่อ ซึ่งองค์ประกอบนี้จะช่วยเพิ่มความน่าสนใจให้กับแบรนด์ได้เป็นอย่างดี
ตัวอย่างแผนการตลาดโดยวิเคราะห์ 7Ps แบบง่ายๆ สามารถนำไปใช้ให้เกิดประสิทธิภาพ
ในยุคดิจิทัลที่การแข่งขันทางธุรกิจสูงขึ้น การเอาชนะใจลูกค้า จึงกลายเป็นสิ่งสำคัญยิ่งสำหรับธุรกิจ ดังนั้นมาดูเคล็ดลับปรับใช้กลยุทธ์ 7Ps หรือ 7Ps Marketing Mix ฉบับใหม่ ที่จะช่วยให้คุณเข้าใจลูกค้า พัฒนากลยุทธ์ และสร้างประสบการณ์ที่เหนือกว่าคู่แข่ง พร้อมพิชิตใจลูกค้าแบบอยู่หมัด !
1. Product (สินค้า) : เริ่มต้น “สินค้า” ที่ใช่
รู้จักลูกค้า : เริ่มต้นด้วยการทำความเข้าใจลูกค้า ว่าพวกเขาต้องการอะไร ปัญหาคืออะไร
สินค้าโดนใจ : พัฒนาสินค้าและบริการที่มีคุณภาพ ตอบโจทย์ความต้องการและแก้ปัญหาของลูกค้าได้ตรงจุด
แตกต่างไม่ซ้ำใคร : สร้างจุดเด่นที่ไม่เหมือนใคร ดึงดูดให้ลูกค้าจดจำและเลือกใช้สินค้าของคุณ
2. Price (ราคา) : กำหนดราคาที่ “โดนใจ”
ตั้งราคาอย่างชาญฉลาด : กำหนดราคาที่เหมาะสม คุ้มค่ากับสินค้า คุณภาพ และ บริการ
กลยุทธ์ดึงดูด : ใช้กลยุทธ์โปรโมชั่น ส่วนลด ของแถม ต่างๆ กระตุ้นยอดขายและดึงดูดลูกค้า
สร้างคุณค่า : ลูกค้าต้องรู้สึกว่าสินค้า คุณภาพ บริการของคุณคุ้มค่ากับราคาที่จ่าย
3. Place (ช่องทางการจัดจำหน่าย) : นำสินค้าไป “ใกล้ชิด” ลูกค้า
อยู่ที่ไหนลูกค้าก็เจอ : เลือกช่องทางการจัดจำหน่ายที่ลูกค้าเข้าถึงง่าย หลากหลาย ทั้งออนไลน์และออฟไลน์
ออนไลน์ก็ปัง : ขายสินค้าออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ และโซเชียลมีเดีย
หน้าร้านก็ดี : ตกแต่งหน้าร้านให้ดึงดูด น่าเข้า สร้างบรรยากาศที่ดีในการช้อปปิ้ง
4. Promotion (การส่งเสริมการขาย) : สื่อสาร “โดนใจ” ดึงดูดลูกค้า
โฆษณาให้โดนใจ : เลือกสื่อโฆษณาที่เหมาะสม ตรงกลุ่มเป้าหมาย เข้าถึงลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สร้างคอนเทนต์สุดปัง : ดึงดูดลูกค้าด้วยเนื้อหาที่น่าสนใจ Informative และตรงกับความต้องการ
กิจกรรมกระตุ้นยอดขาย : จัดกิจกรรม โปรโมชัน ลุ้นรางวัล สร้าง Engagement และดึงดูดลูกค้าใหม่
5. People (บุคลากร) : ทีมงานที่ “เอาใจใส่”
ทีมที่ใช่ : พนักงานที่มีทักษะ ความรู้เกี่ยวกับสินค้าและบริการเป็นอย่างดี เข้าใจลูกค้าและสามารถให้บริการได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ฝึกอบรมอย่างต่อเนื่อง : พัฒนาทักษะ ความรู้ และเทคนิคการบริการลูกค้าอยู่เสมอ
สร้างแรงจูงใจ : สร้างสภาพแวดล้อมที่ดีในการทำงาน มอบสวัสดิการที่ดี เพื่อดึงดูดและรักษาพนักงานที่มีคุณภาพ
6. Process (กระบวนการ) : ระบบที่ “ราบรื่น”
สะดวกรวดเร็ว : ลูกค้าสามารถเข้าถึงสินค้าและบริการได้ง่าย รวดเร็ว โดยไม่ต้องรอนาน
ลดขั้นตอนที่ยุ่งยาก : ระบวนการต่างๆ ควรเรียบง่าย เข้าใจง่าย ไร้ขั้นตอนที่ยุ่งยาก
ประสบการณ์ที่ดี : มอบประสบการณ์ที่ดีแก่ลูกค้า ตั้งแต่การค้นหาข้อมูล การสั่งซื้อ จนถึงการได้รับสินค้าและบริการ
7. Physical Evidence (สิ่งแวดล้อมทางกายภาพ) : สร้างประสบการณ์ที่ “ประทับใจ”
ดีไซน์โดนใจ : สินค้า บริการ หน้าร้าน เว็บไซต์ ต้องออกแบบมาอย่างสวยงาม ดึงดูดสายตา สื่อถึงภาพลักษณ์ของแบรนด์ที่ชัดเจน
บรรจุภัณฑ์สุดปัง : ใส่ใจรายละเอียดตั้งแต่บรรจุภัณฑ์ เลือกวัสดุที่เหมาะสม ออกแบบให้สวยงาม ใช้งานง่าย และสร้างความประทับใจตั้งแต่แรกพบ
สร้างบรรยากาศ: สร้างบรรยากาศที่ดีในหน้าร้าน หรือเว็บไซต์ให้น่าจดจำ เพื่อประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์คุณ
ด้วยกลยุทธ์การตลาด 7Ps ฉบับนี้ ธุรกิจของคุณจะสามารถเข้าใจลูกค้า สร้างสินค้า บริการที่ตรงใจ นำเสนอในช่องทางที่เข้าถึงง่าย และสร้างความประทับใจจนลูกค้ากลับมาซื้อซ้ำอีกแน่นอน
บทสรุป
เห็นได้ว่า การปรับใช้กลยุทธ์ 7Ps Marketing สำหรับธุรกิจออฟไลน์หรือออนไลน์นั้น มีส่วนสำคัญที่จะช่วยให้ธุรกิจของคุณประสบผลสำเร็จได้เร็ว และเป็นระเบียบแบบแผนมากยิ่งขึ้น และหากอยากให้ธุรกิจของคุณเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ได้เร็วขึ้นอีก การมองหาบริษัทรับวางแผนกลยุทธ์การตลาดก็เป็นอีกทางเลือกที่ดี เพราะ Digital Factory มีผู้เชี่ยวชาญด้านการทำการตลาดออนไลน์คอยให้คำแนะนำ คำปรึกษา วางแผน ลงมือทำ และรายงานประสิทธิผลที่เกิดขึ้นว่า ควรแก้ไข หรือปรับปรุงส่วนไหน อีกทั้งเราพร้อมช่วยคุณพิชิตใจลูกค้าด้วยกลยุทธ์ 7Ps Marketing ! เพื่อที่จะช่วยยกระดับแบรนด์ของคุณมีคุณภาพ และสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับแบรนด์
ขอบคุณข้อมูลจาก : Contentshifu Thedigitaltips
Powered by Froala Editor
Powered by Froala Editor
Powered by Froala Editor
Powered by Froala Editor
Powered by Froala Editor
Powered by Froala Editor
Powered by Froala Editor
Powered by Froala Editor
Powered by Froala Editor
Powered by Froala Editor
Powered by Froala Editor
Powered by Froala Editor
Powered by Froala Editor
Powered by Froala Editor
Powered by Froala Editor
Powered by Froala Editor
Powered by Froala Editor
Powered by Froala Editor
Powered by Froala Editor
Powered by Froala Editor
Powered by Froala Editor
5 เคล็ดลับที่ช่วยให้ Work From Home ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เคล็ดลับง่ายๆ มาฝาก สำหรับหลายๆ บริษัทมีระบบทำงานในรูปแบบ Work From Home ที่จะช่วยให้การทำงานจากที่บ้านประสบความสำเร็จ และมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
รู้จักกับปลั๊กอิน Yoast SEO แล้วคุณจะทำคอนเทนต์ง่ายขึ้น
รู้จักกับ Yoast SEO ปลั๊กอิน Plugin คุณภาพ เพื่อให้ WordPress SEO และเอเจนซี่รับทำ SEO ทำงานได้สมบูรณ์ รับรองว่าถ้าคุณอ่านบทความนี้จบจะทำง่ายขึ้นกว่าเดิมแน่นอน