CPAS หรือ Collaborative Ads คืออะไร ช่วยเพิ่มยอดขาย E-Commerce ได้อย่างไร

จำได้ไหม ? ตอนที่คุณกำลังมองหาโทรศัพท์รุ่นใหม่ หรือชุดเดรสสำหรับไปงานแต่ง แล้วก็มีโฆษณาโทรศัพท์รุ่นนั้น หรือชุดเดรสสวยๆ ตรงธีมงานแต่งโผล่มาให้เห็นในโซเชียลมีเดียแทบจะทันที นั่นแหละคือพลังของ CPAS หรือ Collaborative Performance Advertising Solution นั่นเอง

CPAS คืออะไร ?

“CPAS อ่านว่า ซี-พาส ย่อมาจาก Collaborative Performance Advertising Solution”

CPAS เป็นการทำงานร่วมกันระหว่างแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ เช่น Shopee, Lazada และ Facebook เพื่อสร้างแคมเปญโฆษณาที่ตรงกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งโฆษณาที่แสดงจะเป็นรูปแบบ Dynamic Ads ที่สามารถปรับเปลี่ยนไปตามพฤติกรรมและความสนใจของผู้ใช้งานแต่ละคน เปรียบเสมือนมีคนมาแนะนำสินค้าให้โดยเฉพาะ อีกทั้ง CPAS ยังสามารถติดตามผลการโฆษณาได้อย่างละเอียด ไม่ว่าจะเป็นจำนวนครั้งที่แสดงโฆษณา จำนวนคลิก และยอดขาย ทำให้สามารถปรับกลยุทธ์การโฆษณาได้อย่างมีประสิทธิภาพ

วิธีการยิง CPAS ให้ได้ยอดขายบนช่องทาง E-Commerce

ต้องบอกก่อนว่าขั้นตอนการทำโฆษณา CPAS อาจแตกต่างกันเล็กน้อยตามแต่ละแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ช แต่โดยรวมแล้วจะมีขั้นตอนหลักๆ ดังนี้

1. เชื่อมต่อแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซกับ Facebook Business Manager

สร้างบัญชี Facebook Business Manager พร้อมเชื่อมต่อกับแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ เช่น Shopee, Lazada โดยจะต้องมีการตั้งค่าและอนุญาตให้ Facebook สามารถเข้าถึงข้อมูลสินค้าและลูกค้าของคุณได้

2. สร้างแคตตาล็อกสินค้า

นำเข้าข้อมูลสินค้าของคุณ เช่น ชื่อสินค้า ราคา รูปภาพ และรายละเอียดอื่นๆ เข้าสู่แคตตาล็อกสินค้าบนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ และอย่าลืมตรวจสอบให้แน่ใจว่าข้อมูลสินค้าถูกต้องครบถ้วน

3. กำหนดกลุ่มเป้าหมายเบื้องต้น

กำหนดกลุ่มเป้าหมายของคุณให้ชัดเจน เช่น อายุ เพศ ความสนใจ พฤติกรรมการซื้อ ซึ่งสามารถใช้ข้อมูลจากแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซและ Facebook เพื่อสร้างกลุ่มเป้าหมายที่ตรงกับความต้องการของคุณได้เช่นกัน

4. ขั้นตอนการสร้างโฆษณา CPAS บนบัญชี Facebook Business Manager

อันดับแรกให้เลือกกำหนดพาร์ทเนอร์ แล้วกรอก ID เว็บไซต์อีคอมเมิร์ซของคุณลงไปก่อน จากนั้นจึงส่งอีเมลเพื่อขอแคตตาล็อกสินค้าจากเว็บไซต์ เมื่อได้รับแคตตาล็อกสินค้าแล้ว คุณจะสามารถเข้าไปเลือกสินค้าที่ต้องการนำมาทำโฆษณาได้

หลังจากนั้นก็เข้าสู่ขั้นตอนตั้งค่าการยิงแอด โดยให้เลือก Campaign Objective เป็น Sales จากนั้นให้ตั้งค่ากลุ่มเป้าหมาย (ซึ่งจะอิงข้อมูลจากข้อ 3 ที่คุณได้กำหนดกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการทำ CPAS ไว้แล้ว) สุดท้ายให้คุณใส่ลิงก์แนบที่นำไปสู่หน้าสินค้าในร้านค้าของคุณ และรันโฆษณาได้ตามปกติ

5. ติดตามและวัดผล

ติดตามผลการทำงานของโฆษณาอย่างสม่ำเสมอ พร้อมวิเคราะห์ข้อมูลต่างๆ เช่น จำนวนคลิก จำนวนการแสดงผล และยอดขาย เพื่อนำไปปรับปรุงกลยุทธ์การโฆษณาให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

ประโยชน์ของการทำโฆษณาแบบ CPAS

การทำโฆษณาแบบ CPAS เป็นกลยุทธ์ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน โดยเฉพาะธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ฉะนั้น มาดูกันดีกว่าว่า CPAS จะสร้างประโยชน์อะไรให้กับธุรกิจของคุณได้บ้าง

1. เข้าถึงลูกค้าเป้าหมายได้อย่างแม่นยำ

CPAS สามารถเข้าถึงข้อมูลพฤติกรรมการซื้อ, ความสนใจ, และประวัติการเข้าชมของลูกค้าบนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซได้ ทำให้สามารถสร้างโฆษณาที่ตรงกับความต้องการของลูกค้าแต่ละรายได้อย่างแม่นยำ และเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการได้อย่างตรงจุด

2. เพิ่ม Conversion Rate

การเชื่อมต่อระหว่างแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซและ Facebook ทำให้ลูกค้าสามารถคลิกเข้าสู่หน้าสินค้าได้โดยตรง เพิ่มความสะดวกสบายในการซื้อสินค้า และช่วยปิดการขายได้อย่างรวดเร็ว

3. ลดค่าใช้จ่ายในการโฆษณา

เนื่องจากโฆษณาแบบ CPAS จะแสดงให้กับกลุ่มเป้าหมายที่สนใจจริงๆ ทำให้ประหยัดงบประมาณในการโฆษณาไปได้มากเลยทีเดียว

4. ปรับปรุงกลยุทธ์ทางการตลาดได้อย่างต่อเนื่อง

การทำโฆษณาแบบ CPAS จะทำให้คุณได้รับข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับพฤติกรรมของลูกค้า ทำให้สามารถนำข้อมูลเหล่านั้นมาวิเคราะห์และปรับปรุงกลยุทธ์ทางการตลาดได้อย่างต่อเนื่อง

ธุรกิจประเภทไหนที่เหมาะกับ CPAS

เคยได้ยินไหมว่า CPAS เป็นเครื่องมือที่ทรงพลังในการเพิ่มยอดขายให้กับธุรกิจอีคอมเมิร์ซ แต่ไม่ใช่ทุกธุรกิจอีคอมเมิร์ซที่จะเหมาะสมกับ CPAS เสมอไป ! ฉะนั้น มาดูกันดีกว่าว่าธุรกิจประเภทไหนบ้างที่ควรใช้การโฆษณาแบบ CPAS

• ธุรกิจที่มีสินค้าเป็นรูปธรรม : CPAS เหมาะกับสินค้าที่สามารถมองเห็นและสัมผัสได้ เช่น เสื้อผ้า รองเท้า เครื่องประดับ เพราะลูกค้าสามารถเห็นภาพสินค้าได้ชัดเจนจากโฆษณา

• ธุรกิจที่มีฐานลูกค้าเป้าหมายชัดเจน : หากธุรกิจของคุณมีกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่ชัดเจน เช่น อายุ เพศ ความสนใจ CPAS จะช่วยให้คุณเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเหล่านั้นได้อย่างตรงจุด

• ธุรกิจที่ต้องการเพิ่มยอดขาย : หากเป้าหมายของคุณคือการเพิ่มยอดขาย CPAS จะเป็นตัวช่วยที่ดีในการดึงดูดลูกค้าใหม่และกระตุ้นให้ลูกค้าเดิมกลับมาซื้อซ้ำ

• ธุรกิจที่ต้องการวัดผลลัพธ์ : CPAS ช่วยให้คุณวัดผลลัพธ์ของแคมเปญโฆษณาได้อย่างละเอียด ทำให้คุณสามารถปรับปรุงกลยุทธ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

บทสรุป

CPAS คือ อาวุธลับที่ช่วยให้ธุรกิจอีคอมเมิร์ซของคุณเพิ่มยอดขายและเติบโตได้อย่างรวดเร็ว แต่การจะใช้ CPAS ได้อย่างมีประสิทธิภาพนั้น จำเป็นต้องมีการวางแผนและกลยุทธ์ที่ดี ที่ปรึกษาวางแผนกลยุทธ์จะเข้ามาช่วยให้คุณสามารถใช้ประโยชน์จาก CPAS ได้อย่างเต็มที่ และบรรลุเป้าหมายทางธุรกิจของคุณได้สำเร็จ

Powered by Froala Editor

Powered by Froala Editor