Inbound Marketing คืออะไร ? อธิบายง่ายๆ เข้าใจได้ใน 5 นาที
เป็นที่ทราบกันดีว่า การตลาดสำคัญกับธุรกิจขนาดไหน ไม่ว่าธุรกิจที่คุณทำจะเป็นธุรกิจขนาดเล็ก หรือขนาดใหญ่ เป็นธุรกิจออนไลน์ หรือธุรกิจที่มีหน้าร้าน ถ้าคุณอยากให้ธุรกิจไปได้ดี คุณต้องเลือกทำการตลาดให้เป็น ซึ่งทุกวันนี้การตลาดก็มีหลากหลายรูปแบบให้เลือกปรับใช้ เลือกแผนการตลาดดี เลือกที่ปรึกษาดี ธุรกิจก็มีแต่ความก้าวหน้า โดยเฉพาะธุรกิจออนไลน์ต้องเลือกทำการตลาดให้เป็น เพราะในยุคที่ใครๆ ก็หันมาขายออนไลน์กันหมด ทำให้พื้นที่นี้มีคู่แข่งเป็นจำนวนมาก แล้วจะทำอย่างไรให้ธุรกิจของคุณแตกต่างจากเจ้าอื่น จะทำอย่างไรให้ลูกค้าเข้ามาซื้อร้านคุณ ในเมื่อมีคู่แข่งก็ขายของชนิดเดียวกับคุณ จะหาวิธีวิ่งเข้าหาลูกค้าอย่างไรดี ?
หนึ่งในวิธีที่มีประสิทธิภาพ นั่นก็คือ การตลาดที่เรียกว่า “Inbound Marketing” เป็นการตลาดแบบดึงดูด การตลาดที่จะทำให้ลูกค้าเป็นฝ่ายเข้ามาหาคุณเอง แล้วการตลาดแบบนี้เป็นอย่างไร ใช้หลักการแบบไหน มาไล่ดูกันทีละข้อเลย
Inbound Marketing คืออะไร ?
“Inbound Marketing” คือ “การตลาดแบบดึงดูด” หรือก็คือสร้างแรงดึงดูดบางอย่างให้คนที่น่าจะเป็นลูกค้าของคุณ หันมาสนใจในแบรนด์ของคุณ ซึ่งการสร้างแรงดึงดูดที่ว่านี้ไม่ได้หมายถึงการออกโปรโมชัน ลด แลก แจก แถม แต่อย่างใด แต่จะเป็น การสร้างคุณค่า สร้างความน่าเชื่อถือให้แบรนด์ แทน แต่คุณอาจจะหันไปผลิตคอนเทนต์ หรือสร้าง Blog ให้ความรู้ เป็นต้น ซึ่ง Inbound Marketing นี้ ถูกคิดค้นโดย HubSpot เป็นบริษัทการตลาดระดับโลกจากอเมริกานั่นเอง
Inbound Marketing มีหลักการอย่างไร ?
1. Attract
Attract คือ การดึงดูดกลุ่มเป้าหมายให้เข้ามาสนใจในเว็บไซต์ และสินค้าของคุณ คำถามต่อมาคือดึงดูดอย่างไร ? และใช้อะไรในการดึงดูด คำตอบก็คือ การทำคอนเทนต์ แต่การทำคอนเทนต์ก็ใช่ว่าจะทำแบบสุ่มสี่สุ่มห้านะ แต่ต้องเป็นการทำคอนเทนต์ที่ตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมาย คอนเทนต์ที่ช่วยแก้ปัญหาให้กับกลุ่มเป้าหมายได้ ซึ่งคุณจะต้องรู้ความต้องการของเป้าหมายและทำคอนเทนต์ได้ถูกต้องด้วยเทคนิคการทำ SEO และการใช้งาน Social Media
2. Engage
Engage คือ การเพิ่มความน่าสนใจ ให้คนสนใจสินค้าคุณมากขึ้น วิธีคือคุณอาจจะเขาไปช่วยเขาแก้ปัญหาบางอย่าง อย่างเช่น คุณออกคอนเทนต์เกี่ยวกับการเลือกครีมกันแดด แล้วมีคนเข้ามาสอบถามเกี่ยวกับปัญหาเรื่องครีมกันแดดที่ตัวเองประสบอยู่ พร้อมขอคำแนะนำ คุณก็เข้าไปแก้ไขปัญหาให้เขา นั่นแหละจุดที่คุณจะสามารถเปลี่ยนผู้เข้าชมเว็บเป็นลูกค้าได้
3. Delight
Delight คือ ขั้นตอนของการเปลี่ยนลูกค้าเป็นลูกค้าประจำ ให้เขาวนกลับมาซื้อซ้ำแบบไม่รู้จบ เมื่อคุณได้ลูกค้าเป็นที่เรียบร้อย คุณอยากจะรักษาลูกค้าไว้หรือให้เขาไปรีวิวต่อ คุณก็อาจจะมีบริการหลังการขาย สอบถามสารทุกข์สุกดิบ ผลจากการใช้งานสินค้าบ้าง เพื่อให้เขารู้สึกว่าคุณไม่ได้จะเข้ามาขายแล้วก็ไป
Inbound Marketing ช่วยธุรกิจได้จริงไหม ?
มีการสำรวจเรื่องนี้ออกมาอย่างจริงจัง และพบว่า Inbound Marketing สามารถช่วยธุรกิจได้เป็นอย่างมากดังนี้ โดยคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ในด้านต่างๆ ดังนี้เลย
จากการสำรวจบริษัททั่วโลกพบว่า 55% ของบริษัทที่ใช้การทำ Blog Marketing สามารถประหยัดงบประมาณการทำการตลาดได้จริง
จากการสำรวจบริษัททั่วโลกพบว่า 47% ของบริษัทที่ใช้การทำ Social Media Marketing สามารถประหยัดงบประมาณการทำการตลาดได้จริง
จากการสำรวจบริษัททั่วโลกพบว่า 39% ของบริษัทที่ใช้การทำ SEO สามารถประหยัดงบประมาณการทำการตลาดได้จริง
67% ของบริษัทแบบ B2C และ 41% ของบริษัทแบบ B2B พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ได้ลูกค้าส่วนใหญ่มาจาก Facebook
ตัวอย่าง Inbound Marketing
สมมุติคุณเป็นเจ้าของแบรนด์ครีมกันแดดที่ขายในรูปแบบออนไลน์ ลักษณะการทำ Inbound Marketing ของคุณก็อาจจะเริ่มจาก เขียนบทความให้ความรู้เรื่องครีมกันแดดไปเรื่อยๆ เช่น
รังสี UV อันตรายต่อผิวคุณอย่างไร บทความนี้ทำให้คนรู้ว่าครีมกันแดดเป็นสิ่งจำเป็นมาก
อยู่บ้านเฉยๆ ควรทาครีมกันแดดไหม บทความนี้ทำให้คนรู้ว่าเราไม่ควรมีครีมกันแดดชนิดเดียว
เล่นสงกรานต์ควรใช้ครีมกันแดดอย่างไรดี บทความนี้ทำให้คนรู้ว่าครีมกันแดดปกติ ไม่สามารถกันน้ำได้
เด็กๆ จำเป็นต้องใช้ครีมกันแดดหรือไม่ บทความนี้ทำให้คนรู้ว่า ผิวเด็กไม่เหมือนผู้ใหญ่ เพราะฉะนั้นไม่ควรใช้ครีมกันแดดแบบเดียวกัน
คุณจะเห็นว่าบทความ 4 บทความนี้สามารถให้ความรู้กับผู้เข้าชมได้ ซึ่งพอผู้เข้าชมได้รับความรู้จากเว็บคุณมากขึ้น แบรนด์ของคุณก็จะน่าเชื่อถือมากขึ้น ต่อมาเมื่อผู้เข้าชมเริ่มเชื่อถือคุณ เขาก็จะเริ่มรู้สึกว่าคุณน่าจะให้ปรึกษาได้ เขาอาจจะ inbox มาเล่าปัญหา มาสอบถามวิธีแก้ไข
เช่น
“ อยากสอบถามว่าพอดีจะไปดำน้ำเกาะเต่า แต่ทางเกาะห้ามใช้ครีมกันแดด ABC แบบนี้จะทำอย่างไรได้บ้าง กลัวผิวไหม้มากเลยค่ะ ”
แล้วคุณตอบกลับไป “ แนะนำให้ใช้ครีมกันแดดที่มีสาร XYZ สามารถป้องกันแดดได้เหมือนกัน แต่จะเป็นมิตรกับปะการัง 100% ”
ซึ่งนี่คือการที่คุณเข้าไปช่วยเหลือเขาไว้ แถมเพิ่มการมีโอกาสที่คุณจะเปลี่ยน ผู้เข้าชมเป็นลูกค้าได้สูงขึ้น และหลังจากที่คุณให้คำแนะนำต่างๆ จนลูกค้าซื้อสินค้าของคุณ คุณสามารถเปลี่ยนให้ลูกค้าคนนี้เป็นลูกค้าประจำได้ โดยอาจจะทักไปสอบถาม หรือให้คำแนะนำเล็กๆ น้อยเพิ่มเติม
เช่น
“ ได้รับสินค้าหรือยังคะ มีตรงไหนเสียหายหรือเปล่าคะ ” หรือ “ ขอแนะนำวิธีการทาครีมกันแดดให้มีประสิทธิภาพขึ้นค่ะ ข้อแรก … ข้อสอง … ”
การทำแบบนี้จะส่งผลให้ลูกค้าประทับใจ ถือเป็นการรักษาฐานลูกค้าไว้ได้ เผลอๆ อาจจะได้ลูกค้าใหม่จากการบอกต่อก็เป็นได้
บทสรุป
จากตัวอย่างข้อมูลและตัวอย่างข้างต้น จะเห็นว่าส่วนที่เรียกว่ายากที่สุดของการทำ Inbound Marketing ก็คือ “ขั้นตอน Attract” เปลี่ยนคนแปลกหน้าให้มาเป็นผู้เข้าชมเว็บไซต์ ในขั้นตอนที่ต้องทำนอกจากคอนเทนต์ดีๆ แล้ว ยังต้องอาศัยการทำ SEO ที่มีประสิทธิภาพสูงสุด แต่เชื่อได้เลยว่า เมื่อคุณทำได้แล้ว ผลลัพธ์จะออกมาดีมาก และอีกหนึ่งข้อดีของการทำ Inbound Marketing คือ ทำครั้งเดียวแต่อยู่ได้นาน และหากคุณสนใจที่จะทำให้ธุรกิจของคุณมีประสิทธิภาพ ที่นี่เรา รับวางแผนกลยุทธ์การตลาด รวมถึง Inbound Marketing แบบครบวงจร ที่สำคัญคือทุกขั้นตอนจะดำเนินการโดยมืออาชีพ
ขอบคุณข้อมูลจาก : Marketing I Can SMEJump
Powered by Froala Editor
Powered by Froala Editor
Powered by Froala Editor
Powered by Froala Editor
Powered by Froala Editor
Powered by Froala Editor
Powered by Froala Editor
Powered by Froala Editor
Powered by Froala Editor
Powered by Froala Editor
Omni Channel คืออะไร สำคัญต่อธุรกิจออนไลน์อย่างไรในยุคดิจิทัล
Omni Channel คืออะไร อยากสร้างการตลาด Omni Channel Marketing ต้องเริ่มจากตรงไหนเพื่อให้ทันกับพฤติกรรมของลูกค้า บทความนี้เราจะพาไปรู้จักกันให้มากขึ้น
Domain Name คืออะไร เลือกแบบไหนถึงจะดีและเหมาะสมกับธุรกิจคุณ
Domain Name (โดเมนเนม) คืออะไร มีส่วนประกอบอะไรบ้าง พร้อมวิธีการตั้งชื่อ Domain Name ให้น่าจดจำและสร้างความน่าเชื่อถือ สำหรับคนทำเว็บไซต์มือใหม่