
Conversion คืออะไร ? อยากเปลี่ยนผู้เข้าชมเว็บเป็นลูกค้าต้องทำอย่างไร
“เหนื่อยกับการแข่งขันในโลกออนไลน์ที่วัดผลได้ยากแล้วใช่ไหม ? อยากเปลี่ยนผู้เข้าชมเว็บไซต์นับพันให้กลายเป็นลูกค้าประจำหรือเปล่า ?”
หากคุณ Say Yes ให้กับคำถามเหล่านี้ บอกเลยว่าไม่ต้องกังวล เพราะบทความนี้เราจะพาทุกคนมาทำความรู้จักกับ Conversion หรือตัววัดผลกลยุทธ์ทางการตลาดที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด และเทคนิคการเพิ่ม Conversion Rate (CR) ที่เปลี่ยนผู้เข้าชมเว็บไซต์ให้กลายเป็นลูกค้าประจำ
คอนเวอร์ชั่น (Conversion) คืออะไร ?
คอนเวอร์ชั่น หรือ Conversion คือ ตัววัดผลว่ากลยุทธ์การตลาดที่คุณทำอยู่นั้นได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการหรือไม่ โดย Conversion จะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อผู้ที่เข้ามาเห็นโฆษณาหรือเข้าชมเว็บไซต์ของคุณได้ทำตามสิ่งที่คุณต้องการ อาทิ
Conversion ของอีคอมเมิร์ซ คือ การเพิ่มสินค้าลงในตะกร้า การกรอกข้อมูลส่วนตัวเพื่อทำการสั่งซื้อ หรือการสมัครสมาชิกเพื่อรับโปรโมชั่น
Conversion ของเว็บไซต์บริการ คือ การขอใบเสนอราคา การนัดหมาย หรือการดาวน์โหลดเอกสาร
Conversion ของแอปพลิเคชัน คือ การดาวน์โหลดแอป การสร้างบัญชีผู้ใช้ การซื้อสินค้าในแอป
Conversion ของโซเชียลมีเดีย คือ การกดไลค์ การแชร์ การคอมเมนต์ การคลิกลิงก์
ทำไม Conversion ถึงสำคัญกับธุรกิจออนไลน์ ?
เพราะ Conversion ทำให้คุณวัดผลสำเร็จได้ : Conversion เป็นตัวชี้วัดที่บอกคุณได้ชัดเจนว่าแคมเปญการตลาดของคุณประสบความสำเร็จแค่ไหน
เพราะ Conversion ทำให้คุณปรับปรุงกลยุทธ์ได้ : ข้อมูลจาก Conversion จะช่วยให้คุณปรับปรุงกลยุทธ์การตลาดได้อย่างตรงจุด
เพราะ Conversion ทำให้คุณเพิ่ม ROI ได้ : การวัด Conversion ช่วยให้คุณประเมินผลตอบแทนจากการลงทุนได้อย่างแม่นยำ
เพราะ Conversion ทำให้คุณเข้าใจพฤติกรรมลูกค้า : การวิเคราะห์ Conversion จะทำให้คุณเข้าใจพฤติกรรมของลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น
ประเภทของ Conversion
Conversion สามารถแบ่งออกได้หลายประเภทตามเป้าหมายของธุรกิจ เช่น
Micro Conversion : การกระทำเล็กๆ น้อยๆ ที่นำไปสู่ Conversion ที่ใหญ่ขึ้น เช่น การเพิ่มสินค้าลงในตะกร้า การสมัครรับข่าวสาร
Macro Conversion : การกระทำที่เป็นเป้าหมายหลักของธุรกิจ เช่น การซื้อสินค้า การสมัครสมาชิกแบบชำระเงิน
เครื่องมือวัด Conversion มีอะไรบ้าง ?
เครื่องมือวัด Conversion เปรียบเสมือนกล้องวงจรปิด เพราะเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้คุณติดตามและวิเคราะห์พฤติกรรมของผู้เข้าชมเว็บไซต์ของคุณ ว่ามีกี่คนที่ทำตามเป้าหมายที่คุณตั้งไว้บ้าง โดยเครื่องมือวัด Conversion มี 4 ประเภทหลักๆ ดังนี้
Google Analytics : เครื่องมือวิเคราะห์เว็บไซต์ฟรีที่ช่วยให้คุณติดตามและวิเคราะห์ข้อมูล Conversion ได้อย่างละเอียด
Facebook Pixel : เครื่องมือติดตามพฤติกรรมผู้ใช้บน Facebook เพื่อวัดผลลัพธ์ของโฆษณา
Google Ads : เครื่องมือติดตาม Conversion ที่เกิดขึ้นจากการคลิกโฆษณา
เครื่องมืออื่นๆ : เช่น Hotjar, Crazy Egg, Optimizely
Conversion Rate (CR) คืออะไร ?
Conversion Rate หรือ CR คือ เปอร์เซ็นต์ที่บอกว่าจากคนที่เห็นโฆษณาหรือคนที่เข้ามาดูเว็บไซต์ของคุณ มีกี่คนที่สนใจจนทำตามเป้าหมายที่คุณตั้งไว้ เช่น การซื้อสินค้า การสมัครสมาชิก หรือการกรอกแบบฟอร์ม เป็นต้น
Conversion rate สูตรคำนวณแบบง่ายๆ ไม่ต้องใช้เครื่องมือ
- Conversion Rate = (จำนวน Conversion / จำนวนผู้เข้าชม) x 100
Conversion Rate คิดยังไง ?
ตัวอย่าง สมมติว่าคุณเปิดบริษัทเป็นของตัวเอง และมีผลิตภัณฑ์ คือ น้ำหอม โดยมีผู้เข้าชมเว็บไซต์ 1,000 คน และมีผู้ซื้อน้ำหอม 100 คน สูตรการคำนวณจะเป็นดังนี้
- Conversion Rate = (100 / 1,000) x 100 = 10%
อย่างไรก็ตาม คุณสามารถปรับเปลี่ยนสูตรให้เหมาะสมกับเป้าหมายของคุณได้ เช่น แทนที่ "จำนวนผู้เข้าชม" ด้วย "จำนวนคลิก" หากคุณต้องการคำนวณ Conversion Rate จากโฆษณา
เทคนิคการเพิ่ม Conversion Rate
การเพิ่ม Conversion Rate จะส่งผลดีต่อธุรกิจของคุณอย่างมาก เพราะเมื่อ Conversion Rate สูงขึ้น ก็หมายถึงจำนวนลูกค้าที่ซื้อสินค้าหรือบริการของคุณเพิ่มขึ้นตามไปด้วย รวมไปถึงยังสามารถลดค่าใช้จ่ายทางการตลาดลงได้ เพราะการเพิ่ม Conversion Rate จะทำให้คุณได้ลูกค้ามากขึ้นจากจำนวนผู้เข้าชมเท่าเดิม ซึ่งเทคนิคการเพิ่ม Conversion Rate มีดังนี้
ออกแบบเว็บไซต์ให้ใช้งานง่าย : เว็บไซต์ที่ใช้งานง่ายและรวดเร็วจะช่วยเพิ่มโอกาสในการเพิ่ม Conversion Rate
สร้าง Call to Action ที่ชัดเจน : จะทำให้ลูกค้ารู้ว่าควรทำอะไรต่อไป หากสนใจในผลิตภัณฑ์หรือบริการของคุณ
ปรับปรุงหน้า Landing Page : ทำให้หน้า Landing Page มีความน่าสนใจและตรงกับความต้องการของลูกค้า
ใช้ A/B Testing : ทดลองเปลี่ยนแปลงองค์ประกอบต่างๆ บนเว็บไซต์เพื่อหาผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
ปรับปรุงเนื้อหา : สร้างเนื้อหาที่มีคุณภาพและน่าสนใจเพื่อดึงดูดลูกค้า
ใช้เครื่องมือวิเคราะห์ : วิเคราะห์พฤติกรรมของผู้ใช้เพื่อหาจุดที่ต้องปรับปรุง
ทำการตลาดผ่านอีเมล : สร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าผ่านอีเมลเพื่อกระตุ้นให้เกิดการซื้อซ้ำ
ใช้โซเชียลมีเดีย : สร้างการมีส่วนร่วมกับลูกค้าบนโซเชียลมีเดีย
บทสรุป
Conversion และ Conversion Rate ก็เหมือนกับเกรดที่บอกว่าการบ้านการตลาดของคุณได้คะแนนเท่าไหร่ ถ้าคะแนนสูงแสดงว่าคุณทำการบ้านผ่าน แต่ถ้าคะแนนต่ำคุณก็ต้องกลับไปแก้ไขปรับปรุงกันใหม่
และอย่างที่ทราบกันดีว่า การยิงแอดและการคำนวณ Conversion Rate เป็นสองสิ่งที่ต้องทำควบคู่กันในการทำการตลาดออนไลน์ หากคุณต้องการเพิ่มยอดขายหรือจำนวนลูกค้าให้ธุรกิจของคุณ การทำความเข้าใจและนำทั้งสองสิ่งนี้มาประยุกต์ใช้ร่วมกันจะช่วยให้คุณบรรลุเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ถ้าคุณไม่อยากเพิ่ม Man Hours เราขอแนะนำให้คุณเลือกใช้บริการรับยิงแอด บริการที่ช่วยให้ธุรกิจของคุณสามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้อย่างตรงจุด โดยผู้เชี่ยวชาญจะทำการตั้งค่าและจัดการแคมเปญโฆษณาให้คุณเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดนั่นเอง
Powered by Froala Editor
Powered by Froala Editor
Powered by Froala Editor
Powered by Froala Editor
Powered by Froala Editor
Powered by Froala Editor

อัปเดต Tiktok Trends 2024 ที่สายครีเอเตอร์ห้ามพลาด พร้อมดังและปังก่อนใคร
Digital Factory จะพาทุกคนไปหาคำตอบเวลาลง tiktok 2024 และเจาะลึกเทรนด์ติ๊กตอก จาก “Tiktok Trend Report 2024” เพื่อปั้นช่องให้ปังและดังก่อนใคร ต้องทำยังไง ติดตามได้ที่นี่ !
เผยเคล็ดลับตารางเวลาโพสต์ Social Media ช่วงไหนดีที่สุด
ตารางเวลาโพสต์ Social Media แพลตฟอร์มออนไลน์ Facebook, Instragram, X (Twitter) และ TikTok ควรโพสต์เวลาไหนดี ที่ช่วยเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่สุด อยากรู้ ห้ามพลาด !