Facebook Creator Studio คืออะไร ทำไมปิด พร้อมบอกวิธีรับมือการใช้เครื่องมือจัดการเพจ

เหตุผลที่ Facebook ตัดสินใจปิดตัว Creator Studio นั้นเป็นคำถามที่หลายคนที่ใช้งานเครื่องมือนี้ในการบริหารจัดการเพจและคอนเทนต์บน Facebook คงสงสัยกันอย่างมาก การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ส่งผลกระทบต่อผู้ใช้งานเป็นจำนวนมาก ดังนั้น เราจึงมาทำความเข้าใจถึงสาเหตุที่อยู่เบื้องหลังการตัดสินใจครั้งสำคัญนี้กันอย่างละเอียด เพื่อให้ผู้ใช้งานทุกท่านเข้าใจถึงภาพรวมและเตรียมพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงนี้

Facebook Creator Studio คืออะไร ? 

ในอดีต Facebook Creator Studio หรือ “ครีเอเตอร์สตูดิโอ” เคยเป็นเครื่องมือที่ได้รับความนิยมอย่างมากสำหรับผู้ที่ต้องการบริหารจัดการเพจ Facebook และ Instagram ในที่เดียว โดยมีฟังก์ชันการใช้งานที่ครอบคลุมหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการสร้างโพสต์ ตารางเวลาโพสต์ การวิเคราะห์ข้อมูล และการตอบข้อความจากผู้ติดตาม ทำให้ชีวิตของนักสร้างสรรค์คอนเทนต์หรือผู้ที่ต้องการสร้างแบรนด์ 

Facebook Creator Studio ทำไมถึงเคยสำคัญ

แน่นอนว่า การสร้างคอนเทนต์เป็นเรื่องที่ต้องใช้ความรู้เฉพาะทาง และทรัพยากรที่มีทั้งตัวบุคคล เครื่องไม้เครื่องมือ รวมถึงเม็ดเงิน แต่ในปัจจุบันด้วยเทคโนโลยีและเครื่องมือต่างๆ ที่เข้าถึงง่าย ใช้งานง่าย ไหนจะแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียที่เปิดกว้าง ทุกคนสามารถสร้างสรรค์ผลงานของตัวเองและแบ่งปันให้กับคนทั้งโลกได้เพียงแค่ปลายนิ้ว

• จัดการทุกอย่างได้ในที่เดียว : ทั้ง Facebook และ Instagram ไม่ต้องสลับไปมาหลายหน้าต่าง ช่วยประหยัดเวลา และเพิ่มความสะดวกสบาย

• สร้างคอนเทนต์ได้หลากหลาย : สร้างโพสต์ได้ทั้งแบบข้อความ รูปภาพ วิดีโอ และสตอรี่

• วางแผนการโพสต์ล่วงหน้า : สามารถกำหนดเวลาโพสต์ล่วงหน้า ได้ทั้งรายวัน รายอาทิตย์ หรือแม้กระทั่งรายเดือน

• ดูสถิติและวิเคราะห์ผลลัพธ์ : คุณสามารถตรวจสอบการเข้าถึงของโพสต์ จำนวนผู้ติดตาม และข้อมูลอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำไปวิเคราะห์ข้อมูลหารูปแบบคอนเทนต์ที่มัดใจลูกเพจมากกว่าเดิม

• ตอบข้อความลูกค้า : คุณสามารถจัดการอินบ็อกซ์ได้ง่าย และรวดเร็ว ลูกค้าไม่ต้องรอนาน จนเปลี่ยนใจไปหาเพจอื่น

แต่ถึงแม้ว่า Facebook Creator Studio จะเป็นที่นิยม แต่ก็มีการประกาศปิดตัวลงในที่สุด ซึ่งเป็นเรื่องที่สร้างความกังวลให้กับผู้ใช้งานเป็นอย่างมาก เนื่องจากต้องปรับตัวไปใช้เครื่องมือใหม่ในการจัดการเพจ

ผลกระทบจากการปิดตัว Creator Studio ในครั้งนี้

การปิดตัวของ Creator Studio ส่งผลกระทบต่อผู้ใช้งานเป็นอย่างมาก เพราะผู้ใช้งานจะต้องปรับตัวไปใช้เครื่องมือใหม่ในการจัดการเพจ ซึ่งอาจจะต้องใช้เวลาในการเรียนรู้และทำความเข้าใจฟังก์ชันการทำงานต่างๆ

สาเหตุที่ Facebook ตัดสินใจปิดตัว Creator Studio

1. การรวมศูนย์เครื่องมือ : Facebook มองเห็นประโยชน์ของการนำเครื่องมือต่างๆ ที่กระจัดกระจายอยู่ มาไว้ในแพลตฟอร์มเดียวกัน เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถจัดการทุกอย่างได้จากที่เดียว ทำให้สะดวกและรวดเร็วในการทำงานมากขึ้น

2. การปรับปรุงประสบการณ์ผู้ใช้งาน : การรวมเครื่องมือต่างๆ เข้าด้วยกัน ช่วยลดความซับซ้อนในการใช้งาน และทำให้ผู้ใช้งานเข้าใจอินเทอร์เฟซได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ ยังมีการพัฒนาฟีเจอร์ใหม่ๆ ที่ตอบสนองความต้องการของผู้สร้างสรรค์คอนเทนต์มากขึ้นอีกด้วย

3. การปรับตัวสู่ยุคใหม่ของโซเชียลมีเดีย : Facebook มีการพัฒนาแพลตฟอร์มให้รองรับรูปแบบการใช้งานที่หลากหลายมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการสร้างชุมชน การทำธุรกิจ หรือการสร้างสรรค์คอนเทนต์แบบอินเตอร์แอคทีฟ ดังนั้น การปรับเปลี่ยนเครื่องมือต่างๆ จึงเป็นสิ่งที่จำเป็นเพื่อให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลกออนไลน์

4. การมุ่งเน้นไปที่เครื่องมืออื่นๆ : Facebook มีแผนที่จะพัฒนาเครื่องมือใหม่ๆ ที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้งานได้ดีกว่า Creator Studio หรืออาจต้องการให้ผู้ใช้งานหันไปใช้เครื่องมืออื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการสร้างสรรค์คอนเทนต์มากขึ้น

วิธีรับมือกับการเปลี่ยนแปลงไปสู่เครื่องมือจัดการเพจใหม่

1. ติดตามข่าวสารจาก Facebook : ให้ความสนใจกับการประกาศและอัปเดตต่างๆ จาก Facebook เกี่ยวกับเครื่องมือจัดการเพจตัวใหม่ เพื่อให้ทราบถึงฟังก์ชันการทำงานและวิธีการใช้งานเบื้องต้น

2. ศึกษาคู่มือและบทความ : หาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเครื่องมือใหม่จากแหล่งข้อมูลต่างๆ เช่น คู่มือของ Facebook บทความแนะนำ หรือวิดีโอสอนการใช้งาน

3. ฝึกฝนการใช้งาน : ทดลองใช้เครื่องมือใหม่เพื่อทำความคุ้นเคยกับฟังก์ชันต่างๆ อาจจะเริ่มจากงานง่ายๆ ก่อน แล้วค่อยเพิ่มระดับความยากขึ้นไปเรื่อยๆ

4. ขอคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ : หากมีข้อสงสัยหรือติดขัดในการใช้งาน สามารถขอคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญด้านโซเชียลมีเดีย หรือเข้าร่วมกลุ่มชุมชนออนไลน์เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์กับผู้ใช้งานคนอื่นๆ

5. ปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลง : การเปลี่ยนแปลงเป็นเรื่องปกติในโลกดิจิทัล จงเปิดใจรับฟังและเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ เพื่อพัฒนาศักยภาพในการบริหารจัดการเพจของคุณให้ดียิ่งขึ้น

Facebook Creator รายได้เท่าไหร่ต่อเดือน ?

รายได้จาก Facebook Creator ไม่ได้มีตัวเลขที่ตายตัว หรือแน่นอน แต่เป็นตัวเลขที่สามารถเติบโตได้เรื่อยๆ ขึ้นอยู่กับความพยายามและกลยุทธ์ของตัว Creator เอง ฉะนั้น หากคุณต้องการสร้างรายได้จากการเป็น Creator บน Facebook สิ่งสำคัญคือต้องสร้างคอนเทนต์ที่มีคุณภาพ สร้างปฏิสัมพันธ์กับผู้ชม และค้นหาวิธีการสร้างรายได้ที่เหมาะสมกับตัวคุณ

เหตุผลที่ทำให้หลายๆ คนอยากเข้าวงการ Creator แม้ Creator Studio จะปิดตัวลง

คำถามนี้คงตอบได้ไม่ยาก ในยุคที่ทุกคนมีสมาร์ทโฟนและอินเทอร์เน็ตในมือ การสร้างสรรค์คอนเทนต์และแบ่งปันให้คนอื่นดู กลายเป็นเรื่องที่ทำได้ง่ายและเข้าถึงได้มากกว่าที่เคย อาชีพ Creator จึงกลายเป็นเป้าหมายที่หลายคนใฝ่ฝัน ดันนั้น การตัดสินใจปิดตัว Creator Studio ของทาง Facebook ก็ไม่ได้นับว่าเป้นจุดสิ้นสุดของการเป็นคนดังแต่อย่างใด

1. อิสระในการสร้างสรรค์ คือหัวใจสำคัญ

หนึ่งในเสน่ห์ที่ดึงดูดผู้คนให้เข้าสู่วงการ Creator คือ อิสระ ซึ่งคำว่าอิสระในที่นี้ หมายถึง อิสระทั้งความสามารถในการตัดสินใจ และความยืดหยุ่น เพราะ Creator มีสิทธิ์ที่จะเลือกทำในสิ่งที่ตนเองสนใจและถนัด โดยไม่จำเป็นต้องถูกจำกัดด้วยกรอบหรือกฎเกณฑ์ที่เข้มงวด รวมถึง Creator สามารถปรับเปลี่ยนวิธีการทำงานได้ตามความเหมาะสม โดยไม่ต้องผูกติดอยู่กับรูปแบบเดิมๆ

2. ชื่อเสียงที่มาพร้อมกับรายได้

เมื่อคอนเทนต์ที่เราสร้างขึ้นได้รับความนิยมสูง มีผู้ชมจำนวนมากติดตามและมีส่วนร่วม เราจะกลายเป็นที่รู้จักและมีชื่อเสียงในวงกว้าง ซึ่งชื่อเสียงนี้เองจะเป็นประตูเปิดไปสู่โอกาสทางการเงินมากมาย

แม้ว่าแพลตฟอร์ม Creator Studio จะปิดตัวลง แต่ก็ยังมีแพลตฟอร์มอื่นๆ อีกมากมายที่รองรับการสร้างและเผยแพร่คอนเทนต์ เช่น YouTube, TikTok, Instagram และอื่นๆ นอกจากนี้ ผู้สร้างยังสามารถสร้างช่องทางของตนเองผ่านเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันต่างๆ ได้อีกด้วย ดังนั้น การปิดตัวของแพลตฟอร์มเพียงหนึ่งเดียวจึงไม่ใช่ปัจจัยสำคัญที่ขัดขวางความฝันในการเป็น Creator

แชร์เส้นทางสู่การเป็น Creator คนดัง

• ค้นหาตัวเอง : ค้นหาสิ่งที่ตนเองรักและมีความถนัด เพราะการรู้จักตัวเองจะช่วยให้คุณสร้างสรรค์ผลงานที่แตกต่าง โดดเด่น และไม่ซ้ำใคร

• เลือกแพลตฟอร์ม : เลือกแพลตฟอร์มที่เหมาะสมกับรูปแบบคอนเทนต์ที่ต้องการสร้าง เช่น ภาพ = Instagram, วิดีโอ = YouTube, เสียง = Spotify เป็นต้น

• สร้างสรรค์คอนเทนต์ : ผลิตคอนเทนต์ที่มีคุณภาพและน่าสนใจ โดยไม่จำเป็นต้องเล่นตามกระแสทุกครั้งไป การสร้างสรรค์คอนเทนต์ที่เป็นตัวของตัวเองและตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายของคุณนั้นสำคัญกว่า เพราะจะทำให้คอนเทนต์ของคุณมีความเป็นเอกลักษณ์และน่าจดจำมากยิ่งขึ้น

• โปรโมตตัวเอง : เพื่อสร้างการรับรู้และเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย – อยากให้คนรู้จักคุณมากขึ้นใช่ไหม ? Facebook คือ คำตอบ ! ด้วยเครื่องมือ Facebook Creator Studio คุณสามารถสร้างคอนเทนต์เจ๋งๆ และโปรโมตตัวเองได้ง่ายๆ แถมยังเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้มากขึ้นกว่าเดิมอีกด้วย

ปัจจัยที่ส่งผลต่อรายได้ของ Facebook Creator

• จำนวนผู้ติดตาม : ยิ่งมีผู้ติดตามมาก ยิ่งมีโอกาสเข้าถึงผู้ชมได้มาก และมีโอกาสสร้างรายได้จากโฆษณาหรือการสนับสนุนจากแบรนด์ได้มากขึ้นอีกด้วย

• การมีส่วนร่วมของผู้ชม : ไม่ใช่แค่จำนวนผู้ติดตาม แต่การที่ผู้ชมมีปฏิสัมพันธ์กับคอนเทนต์ของคุณ เช่น กดไลค์ คอมเมนต์ แชร์ ก็เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้แบรนด์สนใจที่จะร่วมงานด้วย

• คุณภาพของคอนเทนต์ : คอนเทนต์ที่ดี มีคุณภาพ น่าสนใจ และสอดคล้องกับกลุ่มเป้าหมาย จะดึงดูดผู้ชมและผู้สนับสนุนได้มากขึ้น

• ความสม่ำเสมอในการโพสต์ : การโพสต์คอนเทนต์อย่างสม่ำเสมอจะช่วยรักษาฐานผู้ชมและเพิ่มโอกาสในการสร้างรายได้

บทสรุป

ทั้งนี้  การปิดตัวของ Facebook Creator Studio ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญสำหรับนักสร้างสรรค์คอนเทนต์ทุกคน แต่ก็เป็นโอกาสที่ดีในการสำรวจและค้นหาเครื่องมือใหม่ๆ ที่ตอบโจทย์ได้ดียิ่งขึ้น การเลือกเครื่องมือที่เหมาะสมจะช่วยให้คุณสามารถบริหารจัดการเพจของคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสร้างสรรค์คอนเทนต์ที่น่าสนใจให้กับผู้ติดตามได้อย่างต่อเนื่อง

สำหรับใครที่เป็นมือใหม่ อยากโปรโมตธุรกิจบนช่องทาง Facebook แต่ไม่มีประสบการณ์ เราขอแนะนำให้คุณเลือกใช้บริการรับยิงแอด Facebook จากผู้เชี่ยวชาญ ที่มีการนำ Data Management มาใช้ประกอบการยิงแอดโฆษณา และด้วยฐานข้อมูลที่มีความละเอียดแม่นยำ จึงทำให้สามารถประมวลผลหากลุ่มเป้าหมายที่เหมาะสมกับเพจหรือธุรกิจของคุณได้เป็นอย่างดี

Powered by Froala Editor

Powered by Froala Editor